xs
xsm
sm
md
lg

บช.ก.ทลายเครือข่ายนายทุนจำนำรถดอกเบี้ยโหด พบเงินหมุนเวียน 50 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - บช.ก.ทลายเครือข่ายนายทุนรับจำนำรถดอกเบี้ยโหด บุกโกดังพิษณุโลกยึดรถของกลาง 163 คัน พบเงินหมุนเวียนเกือบ 50 ล้านบาท


วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ป. และ เจ้าหน้าที่ตํารวจศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์กองปราบปราม (ศปจร.บก.ป.) ร่วมกันแถลงผลทลายโกดังเก็บรถรับจํานําเครือข่ายนายทุน ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด โดยจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายณัฎฐชัย คูธารทอง อายุ 29 ปี นายทุนเงินกู้ นายกัญฑ์พงศ์ ปันวารี อายุ 31 ปี ผู้จัดการ นายภัทรดนัย พงษ์จินดา อายุ 21 ปี และ นายกุลธวัช อิ่มอ่อง อายุ 38 ปี พนักงานดูแลโกดัง พร้อมตรวจยึดรถของกลางจำนวน 163 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ 84 คัน รถจักรยานยนต์ 79 คัน

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่า มีเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งชื่อว่า “รับจํานํารถ พิษณุโลก อนุมัติง่าย วงเงินสูง carformoney” มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ให้กับบุคคลทั่วไป เพื่อเรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือนเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกําหนด โดยมีข้อแม้ให้ผู้ที่มากู้เงินจะต้องนํารถมาค้ำประกัน หรือ นำรถมาจำนำ จากนั้นกลุ่มนายทุนดังกล่าวก็จะนำรถของลูกหนี้มาจอดซ่อนเก็บไว้ที่โกดังไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ที่ ม.5 ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสกระทั่งประมาณ 2 เดือน จึงสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดพิษณุโลก เข้าตรวจค้นจนนำมาสู้การตรวจยึดรถทั้ง 163 คันดังกล่าว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ทราบว่า ขบวนการเงินกู้ดังกล่าว แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดย นายณัฎฐชัย จะทําหน้าที่เป็นนายทุน ส่วน นายกัญฑ์พงศ์ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการเรื่องการติดต่อ โอนเงิน และทวงเงินกับลูกค้า และจะได้รับเงินส่วนแบ่งจากนายณัฎฐชัย คิดเป็นร้อยละ 3 ของกําไรที่ได้รับ ส่วน นายภัทรดนัย และ นายกุลธวัช เป็นเพียงลูกจ้างมีหน้าที่รับรถจากลูกค้ามาเก็บรักษาไว้ภายในโกดัง เมื่อลูกค้าจะไถ่รถคืน ก็จะนํารถไปส่งมอบตามจุดที่นัดหมาย ได้ค่าตอบแทนเป็นรายเดือนๆ ละ 15,000 บาท ส่วนเรตการคิดอัตราดอกเบี้ย จะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน คิดค่าจอดรถจักรยานยนต์ 300-500 บาท รถยนต์ 2,000 บาท ต่อครั้ง โดยหักดอกเบี้ยและค่าจอดรถจากการกู้เงินครั้งแรกกับลูกค้าทันที รวมถึงยังให้ลูกหนี้ทำการเซ็นโอนลอยล่วงหน้าเผื่อไว้ในกรณีที่ไม่สามารถคืนเงินต้นที่กู้ยืมได้เพื่อที่จะได้ยึดมาครอบครอง ส่วนรถที่ไม่สามารถโอนลอยได้ ก็จะถูกนำไปปล่อยต่อในตลาดมืด นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบมีการกระทำผิดมาตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงปัจจุบัน รวมถึงเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบเงินหมุนเวียนเกือบ 50 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จึงเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ มีการเจรจาประนอมหนี้ พร้อมทั้งจัดทําสัญญาประนอมหนี้ หรือสัญญากู้ยืมเงินฉบับใหม่ขึ้นมา ก่อนส่งมอบคืนรถให้แก่ลูกหนี้ที่ดำเนินการเรื่องสัญญาฉบับใหม่แล้วเสร็จในวันนี้ จำนวน 23 คัน ส่วนรถที่เหลืออยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยของบริษัทไฟแนนซ์, เจ้าหนี้ และลูกหนี้ จํานวน 127 คัน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของตัวรถ จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานและกรมการขนส่งทางบก จํานวน 13 คัน ซึ่งในจำนวนนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นรถที่ถูกแจ้งหายไว้ในประเทศมาเลเซีย 1 คัน รถสวมทะเบียน 2 คัน และรถที่มีการปลอมแปลงเอกสารการครอบครอง จำนวน 2 คัน

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกําหนดและให้สินเชื่อส่วนบุคคลอันเป็นกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับการธนาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป










กำลังโหลดความคิดเห็น