หนองคาย - บริษัทขนส่งโลจิสติกส์ ทดสอบขนสินค้าข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จากไทยไปลาว เตรียมขยายต่อสู่จีน ขณะที่ความต้องการขนส่งทางรางมีสูงขึ้น วอนรัฐทุ่มงบให้รฟท.บริหารจัดการจุดกระจายสินค้าคอนเทนเนอร์ยาร์ด ภาคเอกชนมั่นใจการขนส่งทางรางสดใสจากไทยไปจีนต่อยุโรปได้เร็วและประหยัดกว่า
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่สถานีรถไฟหนองคาย ขบวนรถสินค้าทดสอบข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย ได้เดินทางกลับเข้าเทียบชานชาลาสถานีรถไฟหนองคาย หลังจากได้เดินรถทดสอบไปเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังขนตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกยางพาราของบริษัทศรีตรัง ทำการขนยางพาราจาก จ.บึงกาฬ จำนวน 30 ตู้สั้น น้ำหนักประมาณ 20 ตัน ขึ้นขบวนรถไฟเพื่อเดินทางไปยังแหลมฉบังด้วย
นายปัญญา ปะพุธสะโร ประธานบริหารบริษัทเก้าเจริญเทรนด์ทรานสปอร์ต ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย และการรถไฟ สปป.ลาว กล่าวว่า การทดสอบขนส่งสินค้าด้วยรถไฟจากไทย-ลาวครั้งนี้ เป็นการทดสอบร่วมกันระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย กับการรถไฟ สปป.ลาว โดยใช้ดินบรรจุถุงที่มีน้ำหนักเท่ากับปริมาณสินค้าที่ต้องการขนส่ง จำนวน 25 ตู้ยาว ทำการทดสอบ 3 รอบ จะมีปัญหาติดขัดด้านใดหรือไม่
เป็นการทดสอบน้ำหนัก เพื่อป้องกันการร้องเรียนว่ายังไม่ได้ส่งออกจริง แต่ฉวยโอกาสลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักร โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนไปด้วย ส่วนจะเริ่มส่งออกสินค้าจริงในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 เพราะจะไปสอดรับกับวันชาติลาวในวันที่ 2 ธ.ค. 64 โดยจะขนส่งเม็ดพลาสติกก่อน หลังจากนั้นจะเป็นการขนส่งทุเรียน มังคุด จาก จ.ระยอง ไปประเทศจีนเพื่อส่งต่อไปยุโรป
ขณะนี้มีภาคธุรกิจขนส่งหันมาให้ความสนใจ ต้องการขนส่งทางรางแทนรถยนต์หลายรายเพื่อสู้กับน้ำมันแพง ประกอบกับประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤตของตู้คอนเทนเนอร์และสายเรือ เนื่องจากตอนนี้ตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในไทยค่อนข้างน้อยเพราะสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกมีปัญหา เช่นส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปอเมริกา แต่ไม่มีตู้เปล่ากลับมาเอเชีย ทำให้เกิดวิกฤตตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเพื่อการส่งสินค้าออกต่างประเทศขาดแคลนหรือถ้าจะมีก็ราคาแพงขึ้น 4-5 เท่าตัว
ก่อนหน้านี้เคยขนสินค้าจากไทย-ลาว-จีน ด้วยรถบรรทุก ซึ่งมีปัญหาสถานการณ์ช่วงโควิดบริเวณชายแดนบ่อเต็น รถเทรลเลอร์ประมาณ 200 คัน ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศจีน ต้องถูกส่งกลับเข้าเชียงของ ประเทศไทย ส่งผลให้สินค้าเสียหาย ประกอบกับหากใช้รถเทรลเลอร์จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 วัน หากส่งสินค้าทางเรือไปจีนใช้เวลา 10 วัน แต่รถไฟจากไทยไปลาว 14 ชั่วโมง จากลาวไปจีนประมาณ 8 ชั่วโมง
ดังนั้นใช้เวลาขนส่งสินค้าทางรถไฟประมาณ 24 ชั่วโมง สินค้าเช่นทุเรียน หากไปช้าจะมีปัญหา ตอนนี้จะเอาสินค้าเกษตร เช่น ทุเรียน สินค้าปิโตรเคมีของไทยที่อยู่แถบมาบตาพุด ส่งออกไปลาว-จีน และต่อไปจะส่งต่อไปยุโรป ทำให้ง่ายขึ้น เนื่องจากจีนส่งออกทุกเดือนอยู่แล้ว เส้นทางรถไฟจะง่ายกว่า
นายปัญญากล่าวต่อว่า ประเด็นน้ำมัน การส่งสินค้าด้วยรถไฟครั้งหนึ่ง ขนสินค้า 1 หัวจักร ประมาณ 30-60 ตู้ ใช้คนขับ 2 คัน แต่ถ้าไปรถยนต์จะใช้รถประมาณ 30-60 คัน การใช้รถไฟจะช่วยลดค่าน้ำมันไปได้โดยอัตโนมัติ ลดคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศลง ก่อนนี้ทางบริษัทขนสินค้าทางรถยนต์ประมาณ 200-300 คัน แต่เจอปัญหาการขนส่งทางบกจะช้า เพราะใช้คนขับเยอะ การจราจรติดขัด คนขับเหนื่อย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทุกวัน กระทบต่อสภาพถนนพังด้วย
แต่เมื่อเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งเป็นทางราง บริษัทตนอยู่ที่ระยอง ก็จะใช้รถไฟจากนิคมมาบตาพุดไปยังท่าเรือแหลมฉบัง 30 ตู้ยาว หรือ 60 ตู้สั้น ไม่ต้องใช้รถ 60 คันเหมือนเมื่อก่อน แต่ใช้รถไฟคันเดียวจบ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทเปลี่ยนมาใช้บริการขนส่งทางรางหมดแล้วทุกเส้นทาง ปัญหาที่พบ คือรถไฟยังปรับตัวไม่ทันกับเอกชน เพราะรถไฟไม่คาดว่าจะมีการใช้งานเยอะขนาดนี้
ที่ผ่านมาเอกชนต้องเข้าไปช่วยเหลือการรถไฟ เช่นเอกชนต้องลงทุนในสถานี ปรับพื้นที่คอนเทนเนอร์ยาร์ดเอง เทปูน ปรับพื้นเอง เพราะรถไฟขาดทุนไม่มีงบประมาณตรงนี้ หากรัฐบาลต้องการลดเครดิตคาร์บอน ต้องการให้ใช้น้ำมันน้อยลง หรือต้องการให้รถบรรทุกไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯ มากนัก ก็ควรหันมาลงทุนกับรถไฟแทน เช่น พิจารณาว่าจังหวัดไหนมีการลงทุนมากน้อยเพียงใดก็ให้มีการเทปูน ทำ CY อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ
“ตอนนี้พอไม่มีงบ รถไฟก็ทำอะไรไม่ได้ เอกชนต้องทำเอง ต้องเทปูนเอง เอาเครื่องจักรสำหรับยกของไปใช้เอง รัฐบาลต้องหันมาให้ความสนใจรถไฟเป็นหลักเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางบริษัทตนก็จะเอาน้ำมัน และเม็ดพลาสติก ขยายพื้นที่ไปที่ จ.ขอนแก่น และ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา” นายปัญญากล่าว