เชียงใหม่ - รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ย้ำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการควบคุมโรคต้องเดินหน้าควบคู่กันไป เตรียมแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมจัดคณะทำงานแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
วันนี้ (16 พ.ย. 64) นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลและจังหวัดเชียงใหม่ได้มีแนวทางเปิดเมืองท่องเที่ยวตั้งแต่ 1 ตุลาคม และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนได้ โดยมีการควบคุมโรคควบคู่กันไป ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาถึงร้อยละ 70 ส่วนอีกร้อยละ 30 เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยในช่วงเปิด Charming Chiangmai ได้ประชุมหารือ เตรียมแผนรองรับเพื่อจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติทางสาธารณสุขในแต่ละประเภทกิจกรรม ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อได้ให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว โดยเป็นการกำหนดการปฏิบัติตัวระหว่างผู้ให้บริการกับผู้รับบริการ การจัดทำแผนเผชิญเหตุ เตรียมจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุของศูนย์ CHARMING Chiangmai และการจัดประชุมกับคณะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า นอกจากนี้ยังได้เตรียมแผนพัฒนาเมืองทั้งระยะสั้น และระยะยาว ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งประเพณียี่เป็ง เทศกาลปีใหม่ เพื่อเสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ในวันศุกร์นี้ (19 พ.ย. 64)
สำหรับประเภทของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ หากเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย จะต้องฉีดวัคซีนครบตามจำนวนที่กำหนด ตรวจหาเชื้อผลเป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือเคยติดเชื้อมาแล้วกว่า 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน ส่วนนักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศ กลุ่มเสี่ยงต่ำ ที่จะสามารถเดินทางเข้ามาได้ต้องผ่านมาตรฐาน SOP มีการประกันสุขภาพวงเงิน 50,000 เหรียญสหรัฐ ฉีดวัคซีนจากต่างประเทศมาแล้วไม่น้อยกว่า 23 วัน และเมื่อมาถึงจังหวัดเชียงใหม่จะต้องทำการตรวจหาเชื้ออีก 1 รอบ และรอผลตรวจภายในโรงแรม หากปลอดภัยจึงจะท่องเที่ยวได้ ตามมาตรการ Test & Go ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกลุ่มจังหวัดแซนด์บอกซ์ (Sand Box) ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าท่องที่ยวได้ เมื่อผ่านมาตรการคัดกรองจากจังหวัดท่องเที่ยวต้นทางแล้วก็สามารถเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ได้เช่นเดียวกัน
ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มอื่นๆ จะต้องได้รับการคัดกรองและสามารถท่องเที่ยวได้เฉพาะในพื้นที่ 4 อำเภอนำร่อง ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง และอำเภอดอยเต่า เท่านั้น ในระหว่างการกักตัว 7 วัน และต้องทำการตรวจหาเชื้อรอบสอง ให้มีผลปลอดภัยก่อนจึงจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่มีสถานประกอบการที่ผ่านมาตรฐาน SHA และ SHA+ ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับรอง และประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาใช้เป็นข้อมูลการรับบริการมาตรฐาน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังมีมาตรฐาน Covid Free Setting ของกรมอนามัย สำหรับกิจการอื่นๆ นอกเหนือจาก SHA เพื่อให้ครอบคลุมทุกสถานที่ โดยในจังหวัดเชียงใหม่มีสถานประกอบการที่ผ่านมาตรฐาน SHA แล้ว 1,434 แห่ง และมาตรฐาน SHA+ อีก 453 แห่ง และมีสถานประกอบการที่ผ่านมาตรฐาน Covid Free Setting แล้ว 238 แห่ง