กาญจนบุรี - ผอ.รร.บ้านกุยแหย่ อ.ทองผาภูมิ แจงทริปดรามา ยันใช้งบตามจริง 3 หมื่นบาท ส่วนที่เหลือครูช่วยกันเฉลี่ยเป็นค่าใช้จ่ายคนละ 1,200 บาท ยันไม่ได้เป็นอย่างที่เพจดังกล่าวอ้าง
จากรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เพจชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์แฉการนำคณะครูโรงเรียนบ้านกุยแหย่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ไปศึกษาดูงานในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 8-10 พ.ย.64 ที่ผ่านมา โดยเพจดังกล่าวได้นำภาพครูสาวของโรงงานสวมชุดทูพิช สำหรับเล่นน้ำทะเล รวมทั้งภาพบนโต๊ะที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มาโพสต์ลงในเพจ
ข้อมูลภายในเพจนั้น ได้บรรยายเอาไว้ว่า “ดูงานชั่วโมงเดียว ที่เหลือโชว์หวิวอยู่ทะเล เริ่มคลายล็อกดาวน์ ก็จัดทริปเยือนทะเลอ้างดูงาน ส่งครูกลับบ้าน กำหนดการสุดปังดำน้ำ 5 ชั่วโมง แต่เข้าดูงานชั่วโมงเดียว ทริปนี้เป็นของโรงเรียนบ้านกุยแหย่ จ.กาญจนบุรี ทำโครงการไปราชการศึกษาดูงานประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 8-10 พ.ย. 2564 ใช้งบจ้างเหมารถทัวร์ 30,000 บาท โดยเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านได้นำเรื่องราวมาโพสต์เมื่อสามวันที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา เพจโรงเรียนบ้านพุแหย่ ได้ประกาศชี้แจ้งถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว โดยระบุข้อเท็จจริงเป็นข้อๆว่า
1.โดยเมื่อวันที่ 9-10 พ.ย. 64 ทางโรงเรียนได้พาคณะครูไปศึกษาดูงานจำนวน 50 ท่านเป็นไปตามแผนปฏิบัติของทางโรงเรียนในงบพัฒนาบุคลากร โดยทางโรงเรียนได้จัดหมวดงบประมาณไว้ดังนี้งานวิชาการ 70 เปอร์เซ็นต์ งานบริหารงานทั่วไป 20 เปอร์เซ็นต์ งานการเงินและพัสดุ 5 เปอร์เซ็นต์และ งานพัฒนาการบุคคลากร 5 เปอร์เซ็นต์
ทางโรงเรียนได้ดำเนินการขออนุญาตไปศึกษาดูงานครั้งนี้ เป็นค่าจ้างเหมารถจำนวนเงิน จากโรงเรียนบ้านกุยแหย่ 30,000 บาท และดำเนินการตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนค่าจ้างเหมารถออกนออกเส้นทาง ค่าที่พัก ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหารอื่นๆ คณะครูร่วมกันออกค่าใช้จ่าย โดยใช้งบประมาณส่วนตัวคนละ 1,200 บาท ตามแผนกำหนดการดำน้ำ ไม่มีคณะครูไปร่วมดำน้ำแต่อย่างใด
2. วันที่ 10 พ.ย. 64 เวลา 07.30 น. คณะครูเดินทางจากที่พักมาถึงโรงเรียนวไลย เวลา 11.00 น. ฟังคำบรรยายองค์ความรู้ในการจัดการบริหารโครงการต่างๆ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ตามกลุ่มวาระวิชาต่างๆ ในเวลา 13.00 น. เดินทางออกจากโรงเรียนวไลย
และ 3. จากภาพข่าวกรณีครูแต่งกายไม่เหมาะสมและโพสต์ลงสื่อโซเชียล ทางผู้บริหารได้ว่ากล่าวตักเตือนและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติตนถึงความเหมาะสมในการแต่งกาย และการเป็นข้าราชการที่ดี แก่คณะครูเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป ทางโรงเรียนจะยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตและใช้เงินงบประมาณได้อย่างคุ้มค่าถูกต้องเป็นไปตามระเบียบแบบแผน และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ทั้งนี้นายนิล โชคสงวนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านพุแหย่ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า กรณีไปศึกษาดูงาน ทางโรงเรียนได้ทำตามระเบียบแบบแผนทุกอย่าง มีการขออนุญาตการไปราชการที่ถูกต้อง และการจัดซื้อจัดจ้างเหมารถไปโรงเรียนเพื่อศึกษาดูงานเข้าระบบและดำเนินการตามระบบการจัดซื้อจัดจ้างในปี 2560 อย่างถูกต้องเช่นกัน
ในส่วนที่เป็นข่าวก็คือทางโรงเรียนได้เหมารถไปดูงานเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท เรื่องนี้ตนยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ไปแค่โรงเรียนที่ไปศึกษาดูงาน ส่วนบ้านพัก ที่ครูไปนั้นอยู่ห่างจากโรงเรียนที่ไปศึกษาดูงานมากถึง 100 กิโลเมตร แต่ทางโรงเรียนเองได้มีการจัดซื้อในงบประมาณเพียงแค่ 30,000 บาทเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆคณะครูจะช่วยกันเฉลี่ยออกค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ค่าอาหารและอื่นๆ โดยที่ทางโรงเรียนไม่ได้เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงแต่อย่างใด เพราะหากมีการเบิกเบี้ยเลี้ยงจะต้องใช้งบประมาณที่สูงมากอย่างน้อยต้องมีถึงระดับ 200,000 บาท
แต่ทางโรงเรียนได้คำนึงถึงงบประมาณที่จะต้องถึงตัวเด็กนักเรียนให้มากที่สุด และโครงการศึกษาดูงานมันเป็นไปตามแผนปฏิบัติการของทางโรงเรียน ซึ่งได้กันงบประมาณเอาไว้ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคณะครูที่ไปศึกษาดูงานได้ออกค่าใช้จ่ายต่างๆเฉลี่ยแล้วตกคนละ 1,200 บาท และการไปดูงานนั้นเราไปวันที่ 9-10 พ.ย.รวม 2 วัน ไม่ใช่ไปตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ตามที่เป็นข่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าครูไปเดินเล่นนั้น ตามความเป็นจริงแล้วจะมีกิจกรรมในภาคบ่ายของวันที่ 9 พ.ย.ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสานสัมพันธ์ให้คณะครูได้ทำงานกันเป็นทีม โดยจะมีการละเล่นเกมต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับคณะครู แต่บังเอิญมันมีข้อบกพร่องเล็กน้อย เนื่องจากจัดไม่ได้ เพราะฝนไม่อำนวย จึงตัดสินใจยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวไป
และเมื่อถึงช่วงเย็นคณะครูได้ทำการเลี้ยงส่งครูที่ย้าย ซึ่งครูที่ย้าย ก็เป็นครูที่เป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กนักเรียน คอยปลูกฝังความรู้จนเป็นที่รักของเด็กนักเรียนและชุมชน จึงถือโอกาสในการไปศึกษาดูงานย่ามว่างจึงเลี้ยงส่งคุณครูในวันเดียวกัน โดยโรงเรียนที่ไปศึกษาดูงานเป็นโรงเรียนที่เด่นในเรื่องของศาสตร์พระราชา รวมทั้งเด่นในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆรวมทั้งด้านคุณธรรม อีกทั้งภายในโรงเรียนไม่มีถังขยะแม้แต่ถังเดียว เราจึงไปศึกษาว่าเขาทำกันอย่างไรเพื่อนำไปประยุกต์บริหารจัดการที่โรงเรียนของเรา