บุรีรัมย์ - น้องชาย-น้องสาวกิ๊กเสี่ยฟ้องเรียก 15 ล้านวอนขอความเป็นธรรม ยันไม่ได้ฉ้อโกงพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ อยากให้ทนายความผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือ พร้อมพิสูจน์เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างเสี่ยกับพี่สาวทำไมต้องฟ้องคนในครอบครัว ทั้งแม่ป่วยจิตเวช น้องชาย และน้องสาวที่เป็นเยาวชนไม่เกี่ยวอะไรด้วย
ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.น้อย (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องขอความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรอง หลังจากถูกเสี่ยใหญ่เจ้าของเต็นท์ขายรถมือสองในอำเภอนางรอง ฟ้องร้องกล่าวหาฉ้อโกงโดยเรียกเงินถึง 15 ล้านบาท ทั้งยังฟ้องเอาผิดแม่ซึ่งป่วยจิตเวช น้องชาย และน้องสาวที่ยังเป็นเยาวชนอีก 3 คน โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฉ้อโกง ทั้งที่แม่และน้องทั้งสองคนไม่ได้รู้เรื่องที่ตนแอบคบหาหรือเป็นกิ๊กกับเสี่ยคนดังกล่าว ส่วนตัวเองยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกงเสี่ย เพราะได้คบหาเป็นกิ๊กมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเสี่ยเป็นฝ่ายส่งเสียเลี้ยงดูด้วยความเสน่หาไม่ได้มีการหลอกลวง แต่พอภรรยาเสี่ยจับได้ว่าเสี่ยมาแอบคบหาและมีสัมพันธ์กับตนเอง เสี่ยกลับให้โกหกภรรยาว่าแค่รู้จักกัน ส่วนเงินที่เสี่ยโอนให้ใช้ก็แค่ขอยืม ด้วยความที่ไว้ใจจึงพูดไปตามที่เสี่ยบอกทุกอย่าง แต่สุดท้ายเสี่ยกลับฟ้องร้องกล่าวหาว่าตนเองและคนในครอบครัวร่วมกันฉ้อโกง
หลังจากที่ น.ส.น้อยได้ร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ก็ถูกเจ้าหน้าที่มารับตัวส่งเข้าเรือนจำ พร้อมกับแม่ที่ป่วยเป็นจิตเวช หลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 2 ในคดีฉ้อโกงที่ถูกเสี่ยฟ้องเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งขณะนี้แม่ลูกทั้งสองอยู่ในเรือนจำ
ล่าสุดนายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 27 ปี และ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 21 ปี น้องชาย และน้องสาวของ น.ส.น้อย ที่เป็นกิ๊กกับเสี่ยและถูกฟ้อง ออกมาวิงวอนขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากผู้รู้กฎหมายเพราะตอนนี้ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร และสงสารผู้เป็นแม่ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยแต่กลับต้องถูกจับติดคุกทั้งที่แม่ป่วยจิตเวช
น.ส.บี น้องสาวบอกว่า ส่วนตัวรู้ว่าพี่สาวแอบคบหากับเสี่ยคนดังกล่าว เพราะเคยเห็นเสี่ยไปหาพี่สาว 2-3 ครั้ง แต่เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่ได้ยุ่งหรือถามอะไรพี่สาว กระทั่งปี 2559 ได้มีหมายศาลส่งมาที่บ้าน ว่าเสี่ยที่คบหากับพี่สาวได้ฟ้องพี่สาว แม่ พี่ชาย และตนเอง รวมทั้งหมด 4 คน โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฉ้อโกง โดยได้ฟ้องเรียกเงินที่ส่งเสียเลี้ยงดูพี่สาวคืน 15 ล้านบาท ตนตกใจมากเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ไม่เคยได้เงินอะไรจากเสี่ยเลย และตอนนั้นตนอายุแค่ 15 ปี ยังเป็นเยาวชนแล้วจะไปมีส่วนรู้เห็นหรือฉ้อโกงได้อย่างไร ส่วนแม่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.จิตเวช จ.นครราชสีมา แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลยเพราะมีภาวะจิตใจไม่ปกติ อ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ ยิ่งพี่ชายก็ไม่รู้ว่าพี่สาวแอบคบหากับเสี่ยด้วยซ้ำ
ตอนนั้นตนได้ขึ้นศาลเด็กและเยาวชนซึ่งศาลยกฟ้อง แต่เสี่ยกลับมาฟ้องใหม่อีกรอบตอนที่ตนอายุ 18 ปี จากนั้นศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุกตนเอง 9 ปี แต่ศาลอุทธรณ์ตนจำไม่ได้ว่าตัดสินอย่างไร ตอนนั้นเครียดมากแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรและไม่รู้จะหาหลักฐานอะไรไปยืนยัน ก็มีแค่บัญชีธนาคารที่ยืนยันได้ว่าไม่เคยได้รับเงินโอนจากเสี่ย
ตอนนี้พี่สาวกับแม่ถูกศาลสั่งจำคุก 5 ปี ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตจะเดินต่ออย่างไร ส่วนตัวเองยังไม่รู้ชะตากรรมว่าศาลฎีกาจะตัดสินเมื่อไหร่แล้วผลจะเป็นอย่างไร หากเป็นไปได้อยากให้ทนายความหรือผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ทุกอย่าง ซึ่งตนมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างเสี่ยกับพี่สาว ทำไมถึงฟ้องคนในครอบครัวที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย อยากจะถามเสี่ยเหมือนกัน
ด้านนายเอ็ม น้องชายอีกคน บอกว่า ตนไม่เคยรู้เลยว่าพี่สาวแอบคบหาหรือเป็นกิ๊กกับเสี่ย ตอนที่มีชื่อโดนฟ้องก็ตกใจและเครียดมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ต่อมาจู่ๆ เสี่ยก็ถอนฟ้องตนซึ่งไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรถึงได้ถอนฟ้อง จะเหลือพี่สาว แม่ และน้องสาว ที่ยังถูกฟ้อง ส่วนตัวก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร อยากวิงวอนให้ผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือครอบครัวด้วย
ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังเสี่ยเต็นท์รถที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.น้อย และครอบครัว เพื่อจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เสี่ยปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลและตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง