บุรีรัมย์ - หัวหน้าสำนักปลัด อบต.และเพื่อนร่วมงานถึงกับช็อก ข้าราชการสาว อบต.และเมียอดีตรองนายก อบต.แห่งหนึ่งที่บุรีรัมย์ ถูกแจ้งจับหลอกยืมเงินชาวบ้าน ผู้สูงอายุ แถมนำโฉนด และคู่มือรถปลอมวางค้ำประกันเสียหายเกือบ 30 ล้าน ชี้เป็นคนนิสัยเรียบร้อยพูดจาเพราะและทำงานดีไม่เคยมีปัญหาไม่คาดคิดจะเกิดเรื่องแบบนี้ ขณะตำรวจจ่อออกหมายเรียก
วันนี้ (3 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านหลายหมู่บ้านใน ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบ 20 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ได้ทยอยนำเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงิน โฉนดที่ดินปลอม และคู่มือรถยนต์ที่ถูกปลอมแปลงขึ้น เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีต่อนางอี๋ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ข้าราชการสาวระดับปฏิบัติการประจำ อบต.แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งได้ชิงลาออกจากราชการไปแล้วเมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นภรรยาของอดีตรองนายก อบต.ดังกล่าวด้วย
โดยชาวบ้านที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้กล่าวหาว่านางอี๋ได้มาหลอกล่อขอยืมเงินกับชาวบ้าน ญาติพี่น้อง ผู้สูงอายุ รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่ อบต. โดยอ้างว่าตัวเองเดือดร้อนจำเป็นต้องใช้เงินมาอ้อนวอนขอยืมเงิน โดยใช้โฉนดที่ดิน และคู่มือรถที่ปลอมแปลงขึ้น มาหลอกวางค้ำประกันเพื่อให้ชาวบ้านตายใจว่าจะไม่ถูกโกง ซึ่งคาดว่ามีชาวบ้าน ผู้สูงอายุ และเพื่อนร่วมงาน ถูกหลอกยืมเงินรายละตั้งแต่หลักแสน ถึงหลักล้านบาท ยอดรวมเกือบ 30 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง อบต.ที่ข้าราชการสาวคนดังกล่าวเคยทำงานเพื่อสอบถามเพื่อนร่วมงานซึ่งก็บอกตรงกันว่านางอี๋เป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย พูดจาเพราะ และทำงานดีไม่เคยมีปัญหาเรื่องงาน แต่เรื่องส่วนตัวหรือปัญหาทางการเงินไม่มีใครทราบมาก่อน เพิ่งมาทราบข่าวตอนที่มีชาวบ้านไปแจ้งความ ต่างก็ตกใจเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะตอนที่นางอี๋มายื่นใบลาออกระบุเหตุว่าจะไปประกอบธุรกิจส่วนตัว ไม่มีใครระแคะระคายว่าจะเกิดปัญหาเรื่องเงิน
นายไวพจน์ พุ่มพฤก หัวหน้าสำนักงานปลัด อบต. บอกว่า นางอี๋ทำงานที่ อบต.แห่งนี้มากว่า 10 ปีแล้ว จากที่ได้ร่วมงานเป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย พูดจาไพเราะ มีสัมมาคารวะ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องงาน แต่เรื่องส่วนตัวหรือปัญหาทางการเงินนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะตอนที่มายื่นใบลาออกก็ระบุเหตุผลแค่ว่าจะไปประกอบธุรกิจส่วนตัวเท่านั้น เพิ่งจะมาทราบตอนที่มีชาวบ้านไปแจ้งความและเป็นข่าว ก็ยังช็อกเพราะไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เนื่องจากขัดกับนิสัยใจคอที่เห็น แต่เรื่องที่กู้ยืมเงินคนใน อบต.นั้นพอทราบเพราะ จนท.ก็มีการกู้ยืมเงินสหกรณ์ซึ่งต้องผลัดกันค้ำถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไปกู้ยืมเงินบุคคลภายนอกจนเป็นหนี้หลายล้านบาทนั้นตนไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงตามที่ถูกกล่าวหาอยากให้นางอี๋กลับมาเคลียร์ให้จบเพราะเสียหายต่ออนาคตการงาน
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายเนื่องจากมีผู้เสียหายหลายคน จากนั้นจะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ หากไม่มาตามหมายเรียกจะออกหมายจับตามขั้นตอน ทั้งนี้ จะรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบสำนวนคดี ส่วนที่ชาวบ้านระบุว่าผู้ถูกกล่าวหานำโฉนดปลอมมาวางค้ำประกันเงินที่กู้ยืมนั้นอยู่ระหว่างส่งไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นครราชสีมา