พิษณุโลก - ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลกร่วมกันจับกุมสองสามีภรรยาปลอม 1,500 ซิมการ์ด-บัตรประชาชนตัดต่อ 15,600 ภาพ ขายข้อมูลต่อให้ "เบอร์มงคล รหัสเปลี่ยนชีวิต" เตือนประชาชนซื้อของออนไลน์ ระวังการส่งข้อมูลบัตรประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
วันนี้ (9 พ.ย.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 นำทีมสืบสวนร่วมกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมือง พิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก จับกุม นายอนุวัติ พุ่มมา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 6 ตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ จ.287/2564 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ผู้ต้องหาที่ 1
และ น.ส.ณภษร ขุนพารเพิง (ซึ่งเป็นภรรยาผู้ต้องหาที่ 1) อายุ 33 ปี ที่อยู่ 75/1 หมู่ที่ 4 อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ จ.288/2564 ผู้ต้องหาที่ 2 พร้อมด้วยของกลางคอมพิวเตอร์ CPU จำนวน 1 เครื่อง ตรวจสอบแล้วพบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหาตัดต่อบัตรประจำตัวประชาชน จำนวนประมาณ 15,600 ภาพ เอกสารการลงทะเบียนเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกปลอมแปลง จำนวน 69 ฉบับ บัตรประจำตัวประชาชนปลอมจำนวน 68 ฉบับ (68 คน) ซิมการ์ดผ่านการลงทะเบียนแล้วประมาณ 1,500 ซิมการ์ด
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ทั้งนี้ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ (ONLINE PATROL) ของ บก.สส.ภ.2 จัดตั้งตามแนวคิดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตรวจสอบเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “เบอร์มงคล รหัสเปลี่ยนชีวิต” พบว่าซิมการ์ดที่โพสต์ขายมีการจดทะเบียนโดยผู้เสียหายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง จึงได้สืบสวนร่วมกับบริษัท ผู้ให้บริการดำเนินการตรวจสอบ กระทั่งประสานตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลกเข้าตรวจค้นของกลาง ซึ่งมีการตัดต่อปลอมแปลงบัตรประชาชนเป็นเอกสารที่ตกค้างในบ้านพัก จำนวน 54 ใบ และพบข้อมูลส่วนใหญ่ในคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหาที่มีการตัดต่อบัตรประจำตัวประชาชนไปแล้ว จำนวนมากถึง 10,600 ภาพ และข้อมูลการปลอมแปลงที่ตรวจสอบ แล้วไม่พบว่ามีตัวตนในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของทางราชการ สร้างความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก ถือเป็นภัยต่อความมั่นคง และทางสังคมเป็นอย่างยิ่ง ที่กลุ่มมิจฉาชีพจะซื้อนำไปใช้กระทำความผิดคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดประเภทอื่น
โดยในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนเป็นของปลอม โดยซิมเหล่านั้นขายให้กลุ่มคนในโลกออนไลน์ผ่าน facebook อาจจะมีกลุ่มมิจฉาชีพมาซื้อ ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง และจากการสืบสวนพบว่ามีบางเบอร์ขายในราคาสูงสุดถึง 270,000 บาท
พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า “ขอเตือนภัยประชาชน การซื้อของออนไลน์เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ ให้ใช้ความระมัดระวัง หากมีความจำเป็นที่จะต้องส่งข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน ให้ทำการขีดคร่อมหรือใส่ข้อความลายน้ำ พร้อมระบุข้อความให้ชัดเจนว่าใช้เพื่อการใด อย่าชะล่าใจ อย่าไว้ใจใครในโลกออนไลน์