เชียงใหม่ - เหยื่อกู้เงิน ธ.ก.ส.ซื้อที่ดินพร้อมสร้างบ้านแต่ได้แค่เสาคอนกรีตกับบ้านร้างที่เชียงใหม่โผล่ร้องขอความเป็นธรรมอีกเพียบ เผยแบกรับหนี้คนละเกือบ 2 ล้านบาทโดยไม่เคยเข้าอยู่อาศัยพราะผู้รับเหมาทิ้งงาน พบผู้เสียหายทุกรายล้วนโดนชักชวนโดยนายหน้ากลุ่มเดียวกันหมด ชี้พิรุธธนาคารอนุมัติสุดง่ายดาย ยืนยันไม่เคยได้จับเงินสด
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากกรณีที่แม่ค้าสาวรายหนึ่งร้องขอความเป็นธรรม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความผิดปกติในกระบวนการอนุมัติสินเชื่อและโอนเงินให้แก่ผู้รับเหมา เนื่องจากกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ บนที่ดิน 57 ตารางวา ในซอย 14 หมู่บ้านน้ำบ่อเย็น หมู่ 11 ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่กลางปี 2562 แต่ผู้รับเหมาทิ้งงานไปนานกว่าปีจนทุกวันนี้ต้องรับภาระเป็นหนี้ ทั้งบ้านก่อสร้างไม่เสร็จและไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ ซึ่งทางด้านผู้บริหารฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ยอมรับว่าพบความผิดปกติในการอนุมัติสินเชื่อจากสาขาธนาคาร และตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้วนั้น
ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่าพบกลุ่มผู้เสียหายกว่าสิบรายรวมตัวร้องเรียนเพิ่มเติม โดยทั้งหมดซึ่งอยู่ย่านตำบลป่าแดดให้ข้อมูลตรงกันว่าได้กู้เงินขอสินเชื่อซื้อที่ดินและสร้างบ้านจาก ธ.ก.ส.สาขาแม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยเงินงวดจากธนาคารถูกโอนให้ผู้รับเหมาที่ชื่อ “นายประยูร” ไปแล้วทุกหลัง แต่สุดท้ายกลับสร้างบ้านไม่เสร็จและทิ้งงานไปนานนับปี ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายบอกด้วยว่าได้รับการติดต่อจากนายหน้ากลุ่มเดียวกันที่รับประกันว่าธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อให้ผ่านได้แน่นอนทุกกรณี และไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก ทำให้หลายคนที่ไม่มีเงินเดือนประจำ และติดเครดิตบูโรพากันมาซื้อบ้านและกู้ธนาคารผ่านนายหน้ากลุ่มนี้
ทั้งนี้ นางวิไล ไชยเฟย อายุ 55 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ได้นำดูสภาพบ้านที่กู้เงินซื้อที่ดินและสร้างบ้านอยู่ในซอย 14 บ้านน้ำบ่อเย็น ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีเพียงแต่เสาเพราะผู้รับเหมาทิ้งงานไปนานกว่า 1 ปี พร้อมเปิดเผยว่า ยื่นกู้กับธนาคารโดยใช้ชื่อลูกสาว ซึ่งปรากฏว่าธนาคารอนุมัติสินเชื่อ เป็นเงิน 2 ล้านบาท ภายในวันเดียว จากนั้นวันที่ 26 พ.ย. 63 ทางธนาคารได้โอนเงินงวดแรกให้ 1.4 ล้านบาท และเงินทั้งหมดได้ส่งมอบผู้รับเหมา จากนั้นในเดือน ธ.ค. 63 ผู้รับเหมาได้มาลงเสาบ้าน และจากนั้นเงียบหายไป จนกระทั่งต้องโทรศัพท์ไปติดตาม และได้รับคำชี้แจงว่ากำลังรอธนาคารโอนเงินงวดที่เหลือให้อีก 6 แสนบาทจึงจะสร้างต่อ ซึ่งตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเหตุที่ธนาคารไม่จ่ายเงินให้เนื่องจากงานก่อสร้างไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ และทำให้ตนต้องกลับกลายเป็นหนี้สินธนาคารโดยได้เสาคอนกรีตไม่กี่ต้น
ขณะที่ น.ส.สรัญ อินทร์คำน้อย อายุ 28 ปี ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเพียงแค่ตอกเสาบ้าน เปิดเผยว่า ตนทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารเพื่อซื้อที่ดินและสร้างบ้านจำนวน 2 ล้านบาท โดยงวดแรกธนาคารจ่ายให้ 1.4 ล้านบาท และประสบปัญหาเช่นเดียวกับนางวิไล ทั้งนี้ยืนยันว่าเงินค่างวดต่างๆ ที่ธนาคารจ่ายให้นั้นทางผู้เสียหายที่เป็นผู้กู้ไม่เคยได้แตะต้องเงินสด โดยในวันที่มีการจ่ายเงินจากธนาคารนั้นจะมีผู้รับเหมาไปรอรับเงินที่ธนาคารและนำเงินไปทันที จนกระทั่งเกิดความเสียหายขึ้นดังที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นขอสินเชื่อและอนุมัตินั้นง่ายดายมาก เพราะตัวเองไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ และยังติดเครดิตบูโร อีกทั้งไม่มีเอกสารรับรองทางการเงินใดๆ ด้วย แต่ปรากฏว่าธนาคารพิจารณาอนุมัติอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ผู้เสียหายอีกรายหนึ่งบอกว่า กู้เงินจากธนาคารดังกล่าวตามคำแนะนำของนายหน้ากลุ่มเดียวกันเพื่อซื้อบ้านสองหลังบนที่ดินแบ่งขายในหมู่บ้านท่าใหม่อิ ซอย 6 ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในราคา 1.85 และ 1.95 ล้านบาท ปรากฏว่าสร้างไม่เสร็จ และถูกทิ้งร้างมานานกว่า 1 ปี โดยทราบว่าถูกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสั่งระงับหลังตรวจสอบพบว่าผู้ดำเนินการไม่มีใบอนุญาตก่อสร้าง ทำให้ปัจจุบันต้องเป็นหนี้ธนาคารเหมือนกับผู้เสียหายคนอื่น จากการสอบถามภายหลังทราบว่ามีผู้เสียหายในย่านตำบลป่าแดดในลักษณะเดียวกันอีกเกือบ 30 ราย
หลังจากที่กรณีนี้มีการนำเสนอข่าวปรากฏว่าทางผู้รับเหมาได้ติดต่อมาพูดคุยขอโทษและขอให้ยุติการให้ข่าว พร้อมขอให้ช่วยแจ้งผู้เสียหายคนอื่นๆ ด้วยว่าจะกลับมาเร่งสร้างบ้านต่อให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนเหตุผลที่ทิ้งงานไปนั้นอ้างว่าธนาคารไม่จ่ายเงินงวดที่เหลือให้ อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวยืนยันจะเรียกร้องและดำเนินการทุกอย่างจนถึงที่สุดเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม