นครสวรรค์ - คืบหน้าปมปัจจัยทำบุญ “หลวงพ่อพัฒน์” 60 ล้าน..เผย ป.ป.ป.สอบ 2 พระคนสนิทเป็นพยาน พร้อมถอดวงจรปิดกุฏิหลวงพ่อตรวจสอบอีกทาง ก่อนเรียก 3 ผู้ถูกกล่าวหาให้ปากคำ
กรณีกลุ่มลูกศิษย์ "หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม" หรือ พระราชมงคลวัชราจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน หรือวัดธารทหาร ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ธารทหาร อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ยื่นเรื่องร้องเรียนถอดถอนผู้ดูแลของหลวงพ่อพัฒน์ต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เนื่องจากมีคนบางกลุ่มซึ่งเป็นคณะกรรมการฝ่ายฆราวาส ได้แสดงพฤติกรรมอันเป็นที่ไม่น่าไว้วางใจ โดยการนิมนต์หลวงพ่อพัฒน์ออกจากวัดไปประกอบศาสนกิจบ่อยๆ เดินทางไปไกล เป็นเหตุทำให้หลวงพ่อพัฒน์หมดสติขณะออกกิจนิมนต์ ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสินแพทย์ จ.กาญจนบุรี จนเกิดความไม่พอใจกับสานุศิษย์
อีกทั้งยังเป็นประเด็นให้สังคมและผู้ที่มีความเคารพศรัทธาในหลวงพ่อพัฒน์ ได้ทวงถามถึงการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพของท่าน เพราะด้วยสภาพสังขารของท่านที่มีอายุ 100 กว่าปี พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 รายเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว
ล่าสุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.1 บก.ปปป. ได้เดินทางไปที่วัดห้วยด้วนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว พร้อมพูดคุยกับคณะกรรมการและหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม พบว่ามีวงเงินที่ต้องตรวจสอบถึง 60 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจำนวนอีกกว่า 10 ล้านบาท แต่จากการพูดคุยยังคงต้องมีการสอบสวนบุคลเพิ่มเพื่อขยายผลและหาข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด ตอบข้อสงสัยให้บรรดาลูกศิษย์และประชาชน
เบื้องต้น ขณะนี้ได้มีการสอบสวนพระเอ้ และพระต้น ที่สนิทใกล้ชิดกับหลวงพ่อ เพื่อมาเป็นพยานในทางคดี รวมทั้งได้มีการถอดกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในกุฏิ โดยเฉพาะภายในห้องพักของหลวงพ่อพัฒน์ออกเพื่อนำไปตรวจสอบแล้ว ซึ่งพบว่ามีการต่อสายเชื่อมต่อไปยังนอกกุฏิด้วย จึงน่าจะทราบความเคลื่อนไหวของหลวงพ่อตลอดเวลามานานแล้ว ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน จะมีการเรียกตัวมาสอบปากคำต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย ลำดับที่ 1. นายสว่าง (นามสมมติ) อายุ 65 ปี ประธานฝ่ายฆราวาส หรือ ไวยาวัจกร และเป็นหลานของหลวงพ่อ เป็นเงินจำนวน 50 ล้าน เนื่องจากเจ้าตัวไม่สามารถชี้แจงเส้นทางการเงินได้, 2. นางวาด (นามสมมติ) อายุ 58 ปี คณะกรรมการ เป็นเงิน 4 ล้านบาท หลานห่างๆ ของหลวงพ่อ และลำดับที่ 3. นางสาวสมใจ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี คณะกรรมการ ลูกสาวของนางวาด เป็นเงิน 2 ล้านกว่าบาท
ซึ่งในวันที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ป.ลงพื้นที่ตรวจสอบที่วัดนั้น มีเพียงนายสว่าง (นามสมมติ) ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.หนองบัว คนเดียวที่ยังคงอยู่ที่วัด และเปิดแผงพระตามปกติ นางวาด และนางสาวสมใจ ที่หลวงพ่อได้อนุญาตให้เข้ามาเปิดแผงขายพระภายในวัดมาก่อนหน้านี้ กระทั่งได้เข้าไปดูแลทรัพย์สินของหลวงพ่อ ไม่ได้เดินทางมาที่วัดแต่อย่างใด