กาฬสินธุ์ - 4 ส.ส.พรรคเพื่อไทยเมืองน้ำดำแจ้งความดำเนินคดี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์
กรณีทำหนังสือรายงานกล่าวหาว่า 7 นักการเมืองเพื่อไทยเคลื่อนไหวล่ารายชื่อชาวบ้านคัดค้านปมถอดถอนเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) ทั้งที่ฝ่ายญาติธรรมยุติการเคลื่อนไหวแล้ว ยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะทำให้ภาพลักษณ์พวกตนเสียหาย
จากกรณีเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 64 มหาเถรสมาคมมีคำสั่งถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป รวมถึงพระเทพสารเมธี หรือเจ้าคุณบัวศรี อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) เรื่องดังกล่าวทำให้คณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) และญาติธรรมคัดค้าน มองว่าไม่เป็นธรรมและไม่มีการชี้แจงถึงสาเหตุ พร้อมล่ารายชื่อ 1 แสนคนถวายฎีกาต่อในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการศาสนาและวัฒนธรรมสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ และมีพระสังฆาธิการทยอยลาออก แสดงจุดยืนค้านมติการถอดถอน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ ( 26 ต.ค.) ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.กลนคร นางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ อดีต รมช.ศึกษาฯ, นายพีระเพชร ศิริกุล ส.ส.กาฬสินธุ์ และนายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ ซึ่งทั้งหมดเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ชูชาติ อุทธิสินธุ์ พนักงานสอบสวน และ พ.ต.ท.สุเทพ ภูกัณหา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ นายบัญชายุทธ นาคมุจลินท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ กรณีการทำหนังสือรายงานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุมีนักการเมือง 7 คน ระดมล่ารายชื่อ 100,000 รายชื่อเพื่อถวายฎีกา
การทำหนังสือดังกล่าวต้องการสื่อสารในทำนองว่า “คณะสงฆ์ (ธรรมยุต) ได้ยุติความเคลื่อนไหวแล้ว แต่ยังมีศิษยานุศิษย์ที่เป็นฝ่ายนักการเมืองเคลื่อนไหวล่ารายชื่อ 100,000 รายชื่อเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา โดย ส.ส.กลุ่มนี้มองว่าเป็นการกระทำให้เกิดความเสียหายเสื่อมเสียต่อตำแหน่งหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนได้
ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร กล่าวว่า ตนพร้อมด้วย ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวน 7 คน เห็นพ้องกันว่าการที่นายบัญชายุทธ ได้บันทึกข้อความถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้นเป็นการกล่าวหาใส่ความอันเป็นเท็จต่อตนกับนักการเมืองอีก 6 คน โดยอ้างว่า “คณะสงฆ์ (ธรรมยุต) ได้ยุติความเคลื่อนไหวแล้ว แต่ยังคงมีศิษยานุศิษย์ที่เป็นฝ่ายนักการเมืองเคลื่อนไหว ทำการล่ารายชื่อ 100,000 รายชื่อเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ข้อความดังกล่าวเป็นการใส่ความพวกตน ทำให้เกิดความเสียหายต่อตำแหน่งหน้าที่ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของผู้แจ้งกับพวก ที่ได้พบเห็นข้อความทางสื่อออนไลน์ และยังได้มีการนำออกเผยแพร่ผ่านสื่อออกไปอย่างแพร่หลาย โดยเหตุเกิดที่ ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ทั้งนี้ได้มอบเอกสารที่เป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความไว้แล้ว
ขณะที่นางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.กาฬสินธุ์ เขต 1 กล่าวว่า การลงชื่อเพื่อถวายฎีกานั้น และคัดค้านเป็นเรื่องของประชาชนที่เป็นศิษยานุศิษย์เจ้าคุณบัวศรี เพื่อแสดงเจตนารมณ์ด้วยความศรัทธาในตัวเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้มีการลงรายชื่อ 100,000 รายชื่อเพื่อถวายฎีกา ซึ่งเป็นสิ่งที่ศิษยานุศิษย์ทุกคนสามารถกระทำได้ ส.ส.กาฬสินธุ์ ส.ส.สกลนคร ไม่ได้ไปปลุกระดมแต่อย่างใด เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนคิดเอง ทำเอง เมื่อมีการพาดพิงก็คงต้องพิสูจน์และจะเดินหน้าหาความจริงและเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ด้านนายพีระเพชร ศิริกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.กาฬสินธุ์ เขต 4 กล่าวว่า อยากฝากไปถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ ว่าท่านกำลังจะทำหินแตก แยกประชาชนให้เกิดความแตกแยก ถือเป็นการทำที่ไม่รู้ว่าหวังผลหรือมีเจตนาอะไรหรือไม่อย่างไร แต่ที่แน่ๆ ท่าน ผอ.พุทธฯ กำลังทำลายศรัทธาประชาชนคนกาฬสินธุ์ให้แยกออกเป็นสองฝ่าย จึงขอให้ยุติพฤติกรรมรายงานที่ไม่ตรงความจริง ควรที่จะมาสอบถามว่าสิ่งที่มีการต่อต้านนั้นเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่ ไม่ควรที่จะโทษว่าเป็นเรื่องของการเมือง เพราะความศรัทธากับการเมืองคนละเรื่องกัน ในส่วนตนที่เป็นตัวแทนของประชาชนก็พร้อมที่จะพิสูจน์ความจริงต่อไป
รายงานแจ้งว่า ภายหลังเข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้ให้ ส.ส.ทั้ง 4 คน ลงรายมือชื่อเพื่อลงประจำวันคดี จากนั้นจะมีการเรียกผู้ร้องทั้ง 4 มาสอบปากคำ และจะเรียกนายบัญชายุทธ นาคมุจรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ มาสอบปากคำเพื่อสรุปสำนวนดำเนินคดีต่อไป