ลำปาง - พ่อ แม่ เพื่อนเศร้าสลด ทำใจไม่ได้..“น้องอุ้ม” นักเรียนอาชีวะลำปาง วัย 16 ปี เสียชีวิตปริศนาหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 แค่ข้ามคืนเริ่มท้องเสีย อาเจียน หายใจติดขัดหามส่ง รพ. ก่อนสิ้นลม หมอระบุน้ำตาลในเลือดสูง 400 ติดเชื้อในกระแสเลือด ทั้งที่ไม่มีประวัติเป็นเบาหวาน
ขณะนี้ญาติพี่น้องและครอบครัวได้ตั้งศพของน้องอุ้ม หรือ น.ส.อรจิรา จรูญโรจน์ ณ อยุธยา วัย 16 ปี นศ.ชั้นที่ปี 1 สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง บำเพ็ญกุศลบนศาลาคำมวนประชารังสรรค์ วัดศรีล้อม (แสงเมืองมา) ต.เวียงเหนือ เทศบาลนครลำปาง โดยมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนทยอยมาร่วมงานและช่วยรับแขกตลอด 2 คืนที่ผ่านมา
นายธนพิชญ์-นางอังคณา จรูญโรจน์ ณ อยุธยา พ่อและแม่ของน้องอุ้ม บอกผู้สื่อข่าวว่า น้องอุ้มจากไปเร็วเกินและไม่มีลางบอกเหตุใดๆ ว่าอุ้มจะจากแม่ไป ปกติอุ้มจะเป็นเด็กติดแม่ นอนก็นอนด้วยกัน ก่อนนอนก็จะหอมแก้มแม่ นอนกอดแม่ ไปไหนก็จะไปกับแม่ และไม่คิดว่าลูกจะต้องมาเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน Pfizer เข็มที่ 2
นางอังคณา แม่น้องอุ้ม บอกว่า ก่อนหน้านี้ผู้ปกครองที่อยู่ในกลุ่มไลน์ด้วยกันไม่ค่อยอยากให้ลูกฉีด ตนเป็นคนเกลี้ยกล่อมให้ผู้ปกครองยอมให้ลูกฉีด เพราะอยากเห็นลูกไปเรียนที่โรงเรียน ไปเที่ยว เข้าสังคมได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป ไม่อยากให้ลูกเป็นแกะดำของสังคม ให้ความร่วมมือกับนโยบายของรัฐบาล แต่ก็ไม่คิดว่าสุดท้ายเหตุการณ์นี้จะมาเกิดขึ้นกับลูกสาวของตัวเอง
โดยน้องอุ้มเข้ารับการฉีดวัคซีน Pfizer เข็มที่ 1 เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 64 อาการปกติ และแม่ไปส่งเข้ารับวัคซีน Pfizer เข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ฉีดเสร็จประมาณ 13.32 น.ก็กลับบ้าน ซึ่งตอนแรกอาการของลูกก็ปกติ แต่พอสายๆ วันที่ 28-29 ต.ค.ลูกเริ่มปวดท้อง ท้องเสียต้องเข้าห้องน้ำ และมีอาการอาเจียนร่วมด้วย
“ตอนนั้นแม่คิดว่าลูกน่าจะเกิดอาการอาหารเป็นพิษ จึงไม่ได้คิดอะไร แต่ลูกก็ยังเข้าห้องน้ำและอาเจียนออกมาเป็นน้ำเป็นระยะๆ ตลอดทั้งคืน จนลูกเริ่มอ่อนเพลีย จึงให้กินยาพาราเซตามอลทุก 4 ชั่วโมง และ ให้กินโจ๊ก เกลือแร่ รวมทั้งได้ซื้อยาแก้อาเจียนมาให้กิน อาการท้องเสียเริ่มลดลง แต่ยังอาเจียนเป็นระยะ”
วันที่ 30 ต.ค น้องอุ้มเริ่มอ่อนแรง และเริ่มมีอาการหายใจติดขัด หายใจทางจมูกไม่ได้ต้องหายใจทางปาก และเริ่มมีอาการอ่อนเพลียจนแม่ต้องค่อยประคองเพราะเริ่มลุกไม่ไหว กระทั่งบ่ายสองโมงแม่เห็นอาการน้องอุ้มไม่ดีเพราะหายใจเริ่มไม่ได้ จึงโทร.เรียก 1669 ให้มารับตัวไป รพ.ลำปาง
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ตรวจร่างกาย ระบุสาเหตุว่าน้ำตาลในเลือดสูงถึง 400 (เบาหวาน) และเกิดภาวะเลือดเป็นกรด และด้วยที่เริ่มหายใจเองไม่ได้ต้องเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจ ก่อนจะนำตัวเข้าห้อง ICU
จากนั้นครอบครัวได้ติดต่อสอบถามหมอ หลังลูกนอนรักษาตัวที่ รพ.1 คืน หมอบอกว่าลูกติดเชื้อในกระแสเลือด ต่อมาหมอบอกว่าความดันต่ำ และภาวะเม็ดเลือดขาวมากกว่าเม็ดเลือดแดง หัวใจเต้นผิดจังหวะต้องใช้เครื่องปั๊มหัวใจ จนกระทั่งเช้าวันที่ 3 ต.ค.หมอก็บอกว่าหัวใจน้องหยุดเต้น
รวมแล้วน้องอุ้มเข้ารักษาที่ รพ.ประมาณ 3 คืน (บ่ายวันที่ 30 ต.ค.-เวลา 09.00 น. วันที่ 3 พ.ย.) ซึ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นที่โรงพยาบาลได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของน้องอุ้มว่า ลิ่มเลือดอุดกั้นปอดทั้งสองข้าง ร่วมกับการติดเชื้อในกระเเสเลือด
พ่อแม่น้องอุ้มเปิดเผยว่า ระหว่างที่รับศพลูกออกจากโรงพยาบาลได้สอบถามหมอบอกด้วยปากเปล่าว่า..อาการลักษณะนี้อาจเกิดจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน..แต่ในใบรับรองการเสียชีวิตกลับไม่มีระบุเรื่องวัคซีนเลย และที่สำคัญครอบครัวของตนไม่มีกรรมพันธุ์เป็นเบาหวาน และน้องก็ไม่เคยเป็นเบาหวาน แต่ทำไมหมอถึงบอกว่าลูกเป็นเบาหวานมีน้ำตาลสูงถึง 400
ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มี จนท.เข้ามาสอบถามเรื่องราวใดๆ เลย ตนอยากให้ จนท.เข้ามาตรวจสอบ อย่างน้อยก็มาช่วยเยียวยาครอบครัวของตนเองบ้าง เพราะเชื่อว่าการเสียชีวิตของลูกเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน และยอมรับว่าทำใจยากมากที่ลูกจากไปเร็วแบบนี้
ขณะที่เพื่อนๆ ในห้องเรียนที่มาช่วยงานศพ บอกว่าเพื่อนในห้องเรียนมีคนไม่ยอมฉีดวัคซีน 1 คน ส่วนที่เหลือฉีดหมด โดยคนอื่นๆ ก็จะมีอาการเล็กน้อย เช่นเจ็บบริเวณแขน และมีไข้บ้างเท่านั้น ซึ่งก็ตกใจมากที่เพื่อนเสียชีวิต เพราะเป็นช่วงที่เรียนออนไลน์ที่บ้านจึงไม่ได้เจอกัน แต่อุ้มเป็นเพื่อนที่ดีชอบช่วยเหลืองานเพื่อนเสมอ ทุกคนก็เสียใจมากที่เพื่อนจากไปเร็วแบบนี้