ฉะเชิงเทรา – ร้องระงมสินค้าราคาแพงทำขายยาก พ่อค้า- แม่ค้าเมืองแปดริ้วเผยพิษน้ำมันพุ่งทำชาวบ้านไม่มีแรงซื้อ คนค้าขายต้นทุนเพิ่ม วอนรัฐเร่งแก้ไขก่อนบานปลายซ้ำเติมความเป็นอยู่ในช่วงวิกฤตโควิด-19
วันนี้ ( 3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการค้าขายในเขตเทศบาลเมืองแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา พบว่าเป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังสินค้าต่างๆ รวมทั้งผลไม้เกือบทุกชนิดมีการปรับราคาสูงขึ้นตามค่าภาระในการขนส่งจากปัญหาราคาน้ำมันแพง
น.ส.ลัดดาวรรณ ประเสริฐวงษ์ อายุ 42 ปี ชาวกรุงเทพฯ แม่ค้าขายผลไม้บอกว่า ขณะนี้ราคาชมพู่ที่รับมาขายสูงถึงกิโลกรัมละ 60-80 บาททำให้ต้องขายต่อในราคากิโลกรัมละ 80-120 บาท ซึ่งในช่วงปกติราคาชมพู่ที่รับมาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท และเมื่อนำมาขายปลีกจะอยู่ในราคากิโลกรัมละ 60-70
โดยราคาสินค้าทุกชนิดเริ่มขยับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้ผู้ค้าแทบจะขายสินค้าไม่ได้กำไร ส่งผลต่อรายได้ไม่พอกินพอใช้ขณะที่บางวันขายสินค้าไม่หมดก็ต้องนำสินค้ากลับมาขายใหม่และต้องใช้เวลาหลายวันจนกว่าสินค้าจะหมด
“
แต่ละวันจะมีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าน้ำมันในการเดินทางไปรับสินค้าเที่ยวละ 600 บาท เมื่อยังขายของไม่ได้กำไรแต่รายจ่ายยังเท่าเดิมก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและขณะนี้ก็ยังไม่มีเงินพอที่จะผ่อนส่งค่าบ้านเช่าในโครงการเคหะฯ บ้านเอื้ออาทร เดือนละ 3,400 บาท และยังมีหนี้สินที่ต้องจ่ายรายอีกวันละ 400 บาท จากการกู้เงินเพื่อลงทุนเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงโครงการปล่อยเงินกู้ของรัฐบาล”
น.ส.ลัดดาวรรณ ยังเผยอีกว่าที่ผ่านมาประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการไม่สามารถกู้เงินในแบงก์รัฐได้ จึงอยากให้รัฐบาลหาทางควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ขยับสูงขึ้น
เช่นเดียวกับ นายสมไชย ตันเถา อายุ 55 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ที่บอกว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งในเรื่องการเดินทาง การค้าขาย และการขนส่งโดยเฉพาะตนเองที่ต้องเดินทางไปรับสินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายต่อที่มีต้นทุนสูงขึ้น
ส่วน น.ส.ปุยนุ่น (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี อดีตผู้จัดการร้านแว่นตาแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา ที่เผยว่าการระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้บริษัทเลิกจ้างจนต้องหันมาค้าขายแต่หลังจากราคาน้ำมันแพงขึ้น จึงทำให้การเดินทางไปรับขนมเปี๊ยะจากโรงงานใน จ.สิงห์บุรี เพื่อนำมาขายต่อมีต้นทุนสูงขึ้นจนมีผลต่อผลกำไรในการขายของ
จึงของให้รัฐบาลเร่งกำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเป็นการด่วน