ศูนย์ข่าวศรีราชา - เดตไลน์ 15 วันลุยรื้อ 2 อาคาร “บ้านสุขาวดี” รุกที่ 11 ไร่ก่อสร้างอาคารทับแนวระยะร่นจากระดับน้ำทะเล หลังนายกเมืองพัทยาเซ็นคำสั่งรื้อเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา
จากกรณีที่เมืองพัทยา ได้มีคำสั่งให้ทำการรื้อถอนอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ จำนวน 11 ไร่ ของบ้านสุขาวดี ที่ก่อสร้างทับแนวระยะถอยร่นจากระดับน้ำทะเล ตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีการออกคำสั่งลงนามโดย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา แต่บริษัท เฮลท์ฟู้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดชลบุรี
ผลการพิจารณาปรากฏว่า ประกาศคำสั่งเมืองพัทยายังไม่ครบองค์ประกอบและเหตุผลในการรื้อถอนไม่ครบถ้วนจึงให้มีการดำเนินการใหม่
และเมืองพัทยา ได้เริ่มต้นกระบวนการออกคำสั่งทางปกครองใหม่อีกครั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจน และครอบคลุมทั้งในด้านเนื้อหา ข้อมูลและหลักฐานประกอบทางกฎหมายและที่ดินเพื่อใช้ในการดำเนินการประกอบคำสั่งรื้อถอนอาคารที่มีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตและอยู่ในพื้นที่สาธารณะ
โดยผลการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จ.ชลบุรี ของ “บ้านสุขาวดี” ได้ผลสรุปชัดเจนเป็นมติแล้วเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2564 ว่าให้ยกคำอุทธรณ์ดังกล่าวด้วยระบุว่า คำสั่งเมืองพัทยา “ชอบด้วยกฎหมาย” เมืองพัทยา จึงได้นำหนังสือคำสั่งที่เป็นมติยกคำอุทธรณ์ไปปิดประกาศไว้ที่ “บ้านสุขาวดี” เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (19 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายเกียรติศักดิ์ คงเขียว วิศวกรโยธาชำนาญการ สำนักการช่าง และนายกฤษฎาสิทธิ์ เกษจินดา ว่า หลังได้นำหมายคำสั่งเมืองพัทยา ไปปิดประกาศเพื่อการรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ของบริษัท เฮลท์ ฟู้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ได้ทำการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ประกอบด้วย อาคาร A ซึ่งเป็นอาคารโครงเหล็ก 2 ชั้น ขนาด 18.30x55.30 เมตร จำนวน 1 หลัง และป้ายโครงสร้างเหล็กขนาด 10x13 เมตร จำนวน 2 ป้าย ซึ่งพบว่าเป็นการก่อสร้างบนพื้นที่สาธารณะหรือมีการบุกรุกที่ดินขนาด 11 ไร่ 1 งาน
อาคาร C ที่เป็นอาคาร ค.ส.ล.1 ชั้น ขนาด 5x15 เมตร จำนวน 1 หลัง พบว่าอาคารอยู่ในแนวระยะถอยร่นจากระดับน้ำทะเล
ล่าสุด นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ลงนามออกคำสั่งลงวันที่ 14 ต.ค.2564 ให้เมืองพัทยา เข้าทำการรื้อถอนอาคารดังกล่าวหลังจากปิดประกาศนี้แล้วไม่น้อยกว่า 15 วัน
โดยวัสดุที่รื้อถอนจะถูกนำไปเก็บไว้และเจ้าของอาคารต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนของอาคาร A จำนวน 716,200 บาท และอาคาร C จำนวน 41,800 บาท และหากไม่ทำการชดใช้ค่าเสียหายในการรื้อถอน เมืองพัทยาจะนำวัสดุที่มีการรื้อถอนออกขายทอดตลาดในกำหนดเวลา 30 วัน
“คำสั่งดังกล่าวมีการปิดประกาศแจ้งให้เจ้าของอาคารได้รับทราบชัดเจน หลังพบว่าเลยระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดให้รื้อถอนตามที่เมืองพัทยาได้ไปปิดประกาศไว้จนถึงปัจจุบันถือว่าเลยเวลาที่กำหนดและหมดกระบวนการในเรื่องของการอุทธรณ์คำสั่งของเมืองพัทยาไปแล้ว และศาลปกครองไม่มีคำสั่งทุเลาหรือให้การคุ้มครองชั่วคราวแต่อย่างใด จึงถือเป็นอำนาจของเมืองพัทยาที่จะเข้าไปดำเนินการอย่างจริงจัง”
นายเกียรติศักดิ์ ยังเผยอีกว่า การปิดหมายประกาศครั้งนี้จะให้ระยะเวลาเจ้าของอาคาร 15 วันก่อนที่จะเข้าทำการรื้อถอน และยืนยันว่าจะมีการดำเนินการตามกำหนดเวลาอย่างแน่นอนหลังปัญหาการก่อสร้างอาคารบุกรุกที่สาธารณะและก่อสร้างอาคารไม่ได้ระยะร่นตามแนวชายฝั่งยืดเยื้อมาเป็นเวลานานหลายปี