ตาก - รถพ่วง 18 ล้อบรรทุกปุ๋ยเต็มคันเบรกแตกแหกโค้งป่าราบถนนตาก-แม่สอด ชนเสาไฟฟ้าก่อนพุ่งไปค้างเติ่งเหนือชุมชน จนชาวบ้านวิ่งหนีตายกันสุดระทึก
วันนี้ (13 ต.ค. 64) ร.ต.อ.ชัยพงศ์ พาขุนทด ร้อยเวรสอบสวน สภ.แม่สอด จังหวัดตาก รับแจ้งเหตุรถพ่วงสิบแปดล้อบรรทุกกระสอบปุ๋ยเคมีแหกโค้งพลิกคว่ำบริเวณทางโค้งลงเนินเขาวัดห้วยเตย ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 17 อีกหนึ่งจุดอันตรายบนถนนสายแม่สอด-ตาก จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยสมาชิกกองร้อย อส.แม่สอด ทหารและหน่วยกู้ชีพมูลนิธิตากร่วมใจสงเคราะห์เขตนครแม่สอด
ที่เกิดเหตุบริเวณแนวทางโค้งลงเนินเขาลาดชัน ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านห้วยหินฝน ซึ่งเป็นชุมชนคนหนาแน่น พบเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นจำนวน 5 ต้น และบริเวณป่าไหล่ทางเหนือชุมชนบ้านห้วยหินฝน พบรถบรรทุกพ่วงสิบแปดล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 70-4898 ตาก ที่บรรทุกกระสอบปุ๋ยเคมีมาเต็มคัน พลิกคว่ำรถพังยับเยิน เศษชิ้นส่วนแตกกระจาย กระสอบปุ๋ยตกเต็มพื้นผิวถนน เจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นจราจรชั่วคราวจำนวนหนึ่งช่องการจราจร
ขณะที่หัวรถห้อยตัวเกยกับแนวเสาไฟและต้นไม้ใหญ่ พบนายสัญญา มีสด อายุ 49 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย ตามลำตัวมีบาดแผลหลายแห่ง ติดคาเบาะแต่ยังรู้สึกตัวดี เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ อำเภอแม่สอดต้องรีบตัดกระแสไฟทำให้ไฟฟ้าดับหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ก่อนที่หน่วยกู้ชีพจะสามารถช่วยเหลือนำตัวคนขับรถส่งโรงพยาบาลแม่สอด ล่าสุดอาการปลอดภัย
จากการสอบสวนนายสัญญา คนขับรถที่รอดตายเล่านาทีชีวิตเบื้องต้นว่า ได้ขับรถพ่วงบรรทุกปุ๋ยมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยามุ่งหน้ามาส่งสินค้าทั้งหมดที่แม่สอด แต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งจุดอันตราย เบรกขัดข้องกะทันหันจนรถแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างถนนอย่างแรงหลายต้น ก่อนที่จะพลิกคว่ำพุ่งไปเกยติดกับเสาไฟฟ้าแรงสูงและลอยติดคากับต้นไม้ขนาดใหญ่จนตนเองได้รับบาดเจ็บ
ด้านนายอ่องอ่อง ไม่มีนามสกุล อายุ 37 ปี ซึ่งมีบ้านพักติดกับจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ขณะตนเองพร้อมภรรยาและลูกรวม 5 คนกำลังนั่งทำอาหารเตรียมจะรับประทานมื้อเที่ยง จู่ๆ ก็มีเสียงรถบรรทุกเบรกเสียงดังลงจากเนินเขาด้วยความเร็ว และก็มีเสียงรถพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าเหนือบ้านของตนเองเสียงดังสนั่นเนินเขา ตนและภรรยาตั้งสติได้ก็รีบอุ้มลูกวิ่งหนี จนสิ้นเสียงรถคว่ำก็พบว่ารถพ่วงห้อยหัวเกยติดกับเสาไฟฟ้าและต้นไม้เหนือบ้านตน อีกเพียง 15 เมตรรถก็จะทับบ้านแล้ว
ขณะที่ชาวบ้านหลายๆ ครอบครัวที่สร้างบ้านบริเวณใกล้เคียงต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าบริเวณทางลงเขานี้มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งจนชาวบ้านขนานนามว่า “โค้งป่าราบ” เนื่องจากทุกครั้งที่มีเสียงรถบรรทุกขนาดใหญ่เบรกแตกลงเนินเขามาที่แนวทางโค้ง ชาวบ้านนับสิบหลังคาเรือนก็จะรีบทิ้งบ้านวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจนป่าราบทุกครั้งเพราะเกรงว่ารถจะพุ่งชนหรือทับบ้าน เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่แหกโค้งพลิกคว่ำ และมักจะมีเศษสิ้นส่วนรถยนต์และสินค้าที่บรรทุกมากับรถลอยเหินเวหาเข้ามาตกภายในบ้านพักของชาวบ้านแล้วหลายครั้ง