เชียงราย/สามเหลี่ยมทองคำ - พาณิชย์ 17 จังหวัดภาคเหนือผนึกกำลังเปิดเวทีปั้นผู้ผลิตท้องถิ่น ดันสินค้าส่งออกชายแดนต่อยอดความนิยมสินค้าไทย-สัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง คาดรถไฟจีน-ลาว-ไทย/มอเตอร์เวย์บ่อแก้ว-หลวงน้ำทาหนุนการค้าโตได้อีก
สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดที่ส่งผลกระทบภาคธุรกิจการค้าการลงทุนทุกระดับทุกเซกเตอร์ แต่การค้าชายแดน/ผ่านแดนไทยกับเพื่อนบ้านยังคงมีการค้าขายกันอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2564 นี้ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค.การค้าชายแดนด้านเชียงรายมีมูลค่าถึง 49,708.35 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกมูลค่า 41,789.18 ล้านบาท และนำเข้ามูลค่า 7,919.17 ล้านบาท สินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นผลไม้สด สินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ ไปยังประเทศจีน น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น เครื่องดื่ม ฯลฯ ไปยังประเทศเมียนมา และเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ก่อสร้าง ฯลฯ ไปยัง สปป.ลาว
และเฉพาะเดือน ส.ค. 2564 พบมีมูลค่าการค้ารวม 8,130.55 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 6,487.04 ล้านบาท และนำเข้า 1,643.51 ล้านบาท โดยเป็นการค้ากับ สปป.ลาว 348.51 ล้านบาท เมียนมา 1,140.09 ล้านบาท และจีนตอนใต้มูลค่า 6,641.95 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สินค้าส่งออกผ่านชายแดนดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากผู้ประกอบการส่วนกลางไม่ได้ผลิตท้องถิ่น ภาคเหนือกลายเป็นเหมือนทางผ่านเท่านั้น
ดังนั้น กลุ่มพาณิชย์ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงได้จัดงาน "แสดง จำหน่ายสินค้าและเจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการของไทย-เมียนมา-สปป.ลาว-จีน (Thailand Northern Trade Fair 2021), กิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนภาคเหนือ (SEZ) โครงการส่งเสริมและพัฒนาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ ปีงบประมาณ 2564" ขึ้น ระหว่างวันที่ 18 ต.ค.-1 พ.ย. 2564 นี้ ณ ลานโปรโมชัน ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการในพื้นที่
งานนี้จะมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้ารวมทั้งเจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการไทย สปป.ลาว เมียนมา และจีน เป็นเวลา 15 วันเต็ม โดยผู้ประกอบการภาคเหนือ 17 จังหวัดจะนำสินค้าไปจัดแสดงรวม 150 ราย ส่วนการจัดประชุมผู้ประกอบการ Border & Cross Border Trade Forum จะจัดระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค. มีผู้เข้าร่วมประชุม 50 ราย และถ่ายทอดผ่านระบบ Live Streaming จำนวนไม่น้อยกว่า 50 ราย เพื่อลดความแออัดตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19
ด้านนายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ช่วงก่อนมีวิกฤตโควิด-19 ภาคเอกชนโดยหอการค้า จ.เชียงราย และหน่วยงานภาครัฐได้เดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์กับเมืองต่างๆ ในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนมีการลงนามบันทึกข้อตกลงหรือ MOU เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันกับหลายเมือง เช่น ตองจี เชียงตุง ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เมืองจิ่งหงหรือเชียงรุ้ง เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ฯลฯ จนเกือบจะเปิดสายการบินเชื่อมระหว่างเชียงราย-ตองจี แต่เกิดวิกฤตโควิด-19 เสียก่อน
แต่ระหว่างการเดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์ ซึ่งนำสินค้าไทยไปจัดแสดงด้วย พบว่าสินค้าไทยเป็นที่นิยมของประเทศเพื่อนบ้านมาก โดยเฉพาะเมืองตองจีซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐฉาน ให้ความสนใจสินค้าประเภทขนมในบรรจุภัณฑ์ สินค้าสุขภาพ ฯลฯ อย่างมาก
“จากกิจกรรมทั้งหมดประกอบกับเส้นทางคมนาคมสะดวก ความนิยมสินค้าไทยของผู้บริโภคในประเทศเพื่อนบ้าน เคยทำให้มูลค่าการค้าห้วงที่ยังมีโควิดระบาดในปี 63 พุ่งสูงถึงกว่า 52,688.78 บาท และจนถึงขณะนี้มูลค่าการค้าก็ยังสูงอยู่”
นายอนุรัตน์กล่าวว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มเบาบางและการพัฒนาเส้นทางคมนาคมในประเทศเพื่อนบ้านสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีน-สปป.ลาว-ไทย และมอเตอร์เวย์แขวงบ่อแก้ว-หลวงน้ำทา ซึ่งจะทำให้มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นแน่นอน
เพราะประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าจะดีขึ้น จากปัจจุบันการขนส่งสินค้าไทย-จีน จากจุดผ่านแดน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ไทย-สปป.ลาว ไปตามถนนอาร์สามเอ ถ้าจะส่งไปถึงชายแดนจีน ต้องใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง หากมอเตอร์เวย์แล้วเสร็จย่นเวลาเหลือเพียง 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นทางภาคเอกชนยินดีจะสานต่อความสัมพันธ์ที่มีอยู่เพื่อขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนดังกล่าวต่อไป