ฤดูใบไม้ร่วง ปี 2013 ระหว่างการเยือนคาซัคสถานและอินโดนีเซีย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เสนอให้มีการร่วมสร้าง “แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม” และ “เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบเป็นข้อริเริ่มที่สำคัญภายใต้ชื่อ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการเสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ความร่วมมือสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีขอบเขตกว้างที่สุดและขนาดใหญ่ที่สุด เป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะระดับสากลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กำลังก้าวไปข้างหน้าตามทิศทางการพัฒนาคุณภาพสูง
แม้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2021 อย่างต่อเนื่อง แต่การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ยังคงมีประสิทธิภาพ ช่วงครึ่งแรกปีนี้ปริมาณการค้าสินค้าระหว่างจีนกับประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” สูงถึง 824.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.9% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน การลงทุนในกลุ่มประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม การลงทุนโดยตรงที่ไม่ใช่ทางการเงินในประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีนอยู่ที่ 12.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีการลงนามโครงการสัญญาใหม่ในประเทศต่างๆ ตลอดเส้นทาง มูลค่าสัญญาสูงถึง 70.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่ไนจีเรียรถไฟสายลากอส-อิบาดัน ทางรถไฟรางคู่มาตรฐานแห่งแรกของแอฟริกาตะวันตก ที่ออกแบบและสร้างโดยบริษัทจีนได้ยุติประวัติศาสตร์ของเมืองลากอส ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไนจีเรียที่ไม่มีรถไฟสมัยใหม่ ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาความแออัดของการจราจรในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากยังส่งเสริมการขนส่งและการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นด้วย
ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย การมาถึงของรางชุดสุดท้ายที่ส่งมาจากจีนเริ่มงานเชื่อมและวางรางสร้างทางรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง อย่างทั่วด้าน
ในฐานะเวทีสำคัญที่จีนผลักดันการส่งเสริมอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” แสดงถึงความรับผิดชอบของจีนและความรู้สึกเพื่อโลกมาโดยตลอด ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นทิศทางการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อย่างต่อเนื่องหลายครั้งบนเวทีต่างๆ ตั้งแต่ในการประชุมประจำปีเอเชียโป๋อ๋าว ที่เสนอให้เสริมสร้างความร่วมมือด้านสุขภาพที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น การเชื่อมต่อเครือข่าย การพัฒนาสีเขียว และการเปิดกว้าง ไปจนถึงการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมระดับสูงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เป็นพิเศษ จากนั้นในการประชุมผู้นำอย่างไม่เป็นทางการของเอเปก ได้มีการประกาศบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันในระดับที่สูงขึ้นและผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์แก่โลกและประเทศในเอเชียแปซิฟิก จากนั้นกล่าวคำปรายศรัยที่ร่วมกับทั่วโลกและประเทศต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิกบรรลุการอำนวยประโยชน์ร่วมกันในระดับที่สูงขึ้นและมีชัยชนะร่วมกันในที่ประชุมผู้นำของเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ ภายใต้การส่งเสริมด้วยตนเองของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ทำให้การร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อย่างมีคุณภาพได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากประเทศต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันมี 172 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศลงนามในเอกสารความร่วมมือด้านการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มากกว่า 200 ฉบับกับจีน และส่งเสริมการจัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคีมากกว่า 90 กลไก ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา การเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่างๆ ตาม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มีความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ระดับการเชื่อมต่อระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโครงการความร่วมมือจำนวนมากได้เริ่มขึ้น
ที่ท่าเรืออี้อู มณฑลเจ้อเจียง ผู้คนมักเห็นรถด่วนจีน-ยุโรป ที่ขนส่งเบียร์ เหล็ก และสินค้าอุปโภคบริโภคจากเยอรมนีเข้าใกล้ชานชาลาอย่างช้าๆ แม้ผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดทั่วโลก ทำให้การขนส่งระหว่างประเทศทางทะเลยากที่จะหาช่องทาง แต่รถด่วนจีน-ยุโรป ซึ่งมีระยะเวลาเดินทางที่ค่อนข้างเสถียรกว่ากลายเป็นตัวเลือกแรกของบริษัทการค้าต่างประเทศ
ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมาจำนวนและคุณภาพของรถไฟด่วนจีน-ยุโรป เพิ่มขึ้นทวนกระแส โดยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้เป็นต้นมา มีการเปิดเดินรถไฟมากกว่า 1,300 ขบวน ในเดือนเดียวติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือน และเป็นครั้งแรกที่ “ไม่หยุดรถ” ผ่านพิธีศุลกากรอย่างรวดเร็ว
การไหลเวียนอย่างรวดเร็วของสินค้าตาม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ข้ามพรมแดนใหม่ “รถไฟด่วนจีน-ยุโรป+คลังสินค้าต่างประเทศ” ปัจจุบันรถไฟด่วนจีน-ยุโรป ให้บริการรถไฟมากกว่า 40,000 ขบวน เปิดเส้นทางเดินรถ 73 เส้นทาง เข้าถึงเมืองกว่า 170 เมือง ใน 23 ประเทศในยุโรป โดยผ่านช่องทางขนส่งหลัก 3 ช่องทาง ได้แก่ ตะวันออก กลาง และตะวันตก ซึ่งไม่เพียงแต่เป็น “ทีมอูฐเหล็ก” ที่รักษาเสถียรภาพของอุปทานทั่วโลก หากยังเป็น “ทางผ่านของชีวิต” และ “ทางเชื่อมแห่งโชคชะตา” ให้ทุกประเทศต่อสู้กับการแพร่ระบาดไปด้วยกัน
บนบกมีรถบรรทุกจากเส้นทางรถไฟด่วนจีน-ยุโรป จำนวนมาก ในอวกาศดาวเทียมนำทางเป่ยโต่ว 30 ดวงให้บริการนำร่องในประเทศและภูมิภาคต่างๆ ตามเส้นทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อย่างต่อเนื่อง
ในแผนที่การกระจายความครอบคลุมของระบบนำทางเป่ยโต่วฉบับล่าสุด ยิ่งสีเหลือง สัญญาณยิ่งแรง จากภาพจะเห็นได้ว่า ทุกพื้นที่ตาม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อยู่ในช่วงสัญญาณแรงและประเทศต่างๆ ตาม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้รับบริการที่สะดวกสบายขึ้นจากระบบนำทางเป่ยโต่ว
ปัจจุบันการติดต่อทางการค้าระหว่างจีน-ประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้รับการส่งเสริมมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2013-2020 การค้าสินค้าระหว่างจีน-ประเทศรายทางฯ สูงถึง 9.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ รายงานการประเมินฉบับล่าสุดที่เผยแพร่โดยธนาคารโลกยังชี้ให้เห็นว่า ภายในปี 2030 การร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อาจช่วยผู้คน 7.6 ล้านคนให้พ้นจากความยากจนขั้นรุนแรง และ 32 ล้านคนพ้นจากความยากจนระดับปานกลาง
จากข้อริเริ่มไปสู่การดำเนินการ จากการวางแผนไปจนถึงการปฏิบัติงานอย่างละเอียด การยืนหยัดร่วมอภิปราย สร้าง และแบ่งปันในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา นอกจากดึงดูดสายตาจากทั่วโลกแล้วยังทำให้ทั่วโลกแบ่งปันผลงานจากภูมิปัญญาของข้อริเริ่มจากจีนด้วย
แปลเรียบเรียงโดยภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (CMG)