ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - น้ำอ่างฯ ลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ลดฮวบเหลือแค่ 6 ล้าน ลบ.ม. หลังทำนบดินพังมวลน้ำกว่า 100 ล้าน ลบ.ม.ทะลักท่วมอ่วมแล้ว 3 อำเภอ ชลประทานโคราชเร่งซ่อมปิดช่องโหว่คันดินพังให้เสร็จใน 7 วัน ขณะทั้งจังหวัดฯ ยังท่วม 10 อำเภอ 230 หมู่บ้าน อ.โนนไทยหนักสุดจม 5,153 ครัวเรือน คาดนาข้าวเสียหาย 1.3 แสน ไร่ มันฯ 1.2 แสนไร่ และข้าวโพดอีก 2.9 หมื่นไร่
วันนี้ (30 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา หลังเกิดเหตุทำนบดินชั่วคราวกั้นบ่อก่อสร้างอาคารระบายน้ำล้นใหม่ (service spillway) ที่กำลังก่อสร้าง พังชำรุดทำให้มวลน้ำไหลทะลักลงสู่ท้ายอ่างตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดขณะนี้ปริมาณน้ำอ่างลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ได้ลดลงอย่างมากแล้วจนสันดินโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นบางจุด ล่าสุดมีปริมาณน้ำเหลือในอ่างเพียง 6.876 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 24.82% ของขนาดความจุอ่างที่ระดับเก็บกัก 27.70 ล้าน ลบ.ม. โดยลดลงจากระดับน้ำที่เคยสูงสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 45.4436 ล้าน ลบ.ม. หรือ คิดเป็น 164.03%
ทั้งนี้ หลังจากช่วง 4 วันที่ผ่านมา ที่ทำนบดินชั่วคราวกั้นบ่อก่อสร้างอาคารระบายน้ำล้นใหม่ของอ่างฯ เกิดพังชำรุดกว้างเป็นช่องโหว่ทำให้มีมวลน้ำมหาศาลไหลทะลักลงพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ รวมเป็นปริมาณมากกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ไร่นา เขตเศรษฐกิจ ชุมชนและบ้านเรือนประชาชนเป็นบริเวณกว้าง ในพื้นที่อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง และล่าสุดมวลน้ำส่วนหน้าไหลลงแม่น้ำมูลเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพิมายแล้ว
ล่าสุดโครงการชลประทานจังหวัดนครราชสีมาได้นำเครื่องจักรหนัก ทั้งรถเครน รถบรรทุก และรถแบ็กโฮ เข้าไปดำเนินการเร่งซ่อมแซมจุดที่คันดินพังชำรุด โดยบรรจุก้อนหินขนาดใหญ่ทำบิ๊กแบ็ก (Big Bag) นำไปวางอุดเสริมคันดินที่ชำรุด โดยเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ตามคำสั่งอธิบดีกรมชลประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พื้นที่ด้านท้าย และเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงด้วย
โดยทางโครงการชลประทานนครราชสีมาวางมาตรการบริหารจัดการน้ำอ่างลำเชียงไกร (ตอนล่าง) เพื่อลดผลกระทบน้ำท่วม ดังนี้ 1. ชะลอน้ำเข้าอ่างฯ โดยการลดน้ำ/ปิดที่ประตูระบายน้ำจากลำสาขาที่ไหลลงอ่างทั้ง 3 ลำน้ำ ได้แก่ ปตร.บึงบัวทอง (ห้วยสามบาท) ปตร.คลองแคเหนือ (ห้วยคลองแค) ปตร.บ้านกระดาน (ลำเชียงไกรบน) เพื่อลดปริมาณ/ระดับน้ำเข้าอ่างและไหลออกจากอ่าง
2. ซ่อมแซมปิดกั้นในบ่อก่อสร้างที่ชำรุด ให้แล้วเสร็จใน 7 วัน ตามข้อสั่งการอธิบดีกรมชลประทาน เพื่อใช้บริหารจัดการน้ำชั่วคราว, 3. เปิดประตูเขื่อนระบายน้ำพิมายทั้งหมด และยุบยางที่ฝายยาง ตลอดลำน้ำมูล พร้อมรับปริมาณน้ำที่เข้ามาเติม, 4. พยายามหน่วงน้ำจากบึงพุดซาและวังกะทะ ซึ่งรวมกันมีปริมาณอัตราการไหลที่มากเกินความสามารถลำน้ำเชียงไกร (ตอนล่าง) เมื่อบรรจบกับน้ำที่ออกจากอ่างฯ ตอนล่าง ให้ลดลง
5. ผันน้ำจากลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ออกสองทาง ส่วนหนึ่งออกลำตะกลึงลงลำสะแทด ที่ยังมีความสามารถระบายน้ำได้, 6. ติดตั้งเครื่องผลักดันตามลำน้ำสาขา เช่น ลำเชียงไกร ลำพระเพลิง ลำตะคอง ลำน้ำมูล จำนวน 68 เครื่อง เพื่อเร่งการระบายน้ำ และเป็นเครื่องมือในการจัดจราจรน้ำ, 7. เตรียมเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือในพื้นที่ท่วมขัง หลังจากน้ำท่วมผ่านหากมีชุมชนที่ท่วมขัง และ 8. เมื่อซ่อมแซมบ่อก่อสร้าง แล้วเสร็จ จะเปิดน้ำตอนบนเข้าสู่อ่างฯ เพื่อใช้บริหารจัดการในช่วงฤดูฝนนี้และเก็บกักไว้ในอ่างฯ ใช้ในฤดูกาลต่อไป
ขณะที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมาสรุปสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดนครราชสีมา วันนี้ (30 ก.ย.) ณ เวลา 11.00 น. ระบุว่า ล่าสุด จ.นครราชสีมาคงมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 10 อำเภอ 51 ตำบล 230 หมู่บ้าน 10 ชุมชน
โดย อ.โนนสูง ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว 8 ตำบล ประกอบด้วย ต.จันอัด ต.โนนสูง ต.เมืองปราสาท ต.ลำมูล ต.ปิง ต.ดอนชมพู ต.ธารปราสาท และ ต.พลสงคราม 38 หมู่บ้าน 4 ชุมชน 807 ครัวเรือน
ขณะที่ อ.โนนไทย มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม รวม 9 ตำบล ประกอบด้วย ต.สำโรง ต.บัลลังก์ ต.กำปัง ต.ถนนโพธิ์ ต.โนนไทย ต.สายออ ต.ด่านจาก ต.ค้างพลู และ ต.บ้านวัง จำนวน 77 หมู่บ้าน 5,153 ครัวเรือน วัด 3 แห่ง โรงเรียน 1 แห่ง และถนน 45 สาย และ อ.พิมาย น้ำท่วมแล้ว 8 ตำบลประกอบด้วย ต.สัมฤทธิ์ ต.ในเมือง ต.ธารละหลอด ต.กระเบื้องใหญ่ ต.ท่าหลวง ต.ดงใหญ่ ต.หนองระเบียง และ ต.รังกาใหญ่ จำนวน 53 หมู่บ้าน 697 ครัวเรือน ถนน 4 สาย วัด 1 แห่ง
สำหรับความเสียหายด้านการเกษตรมี 23 อำเภอ 159 ตำบล 33,923 ครัวเรือน คาดว่าจะเสียหายข้าว 131,6774 ไร่ มันสำปะหลัง 124,588 ไร่ ข้าวโพด 29,988 ไร่ อ้อย 740 ไร่ พืชอื่นๆ 245 ไร่ พืชสวน 589 ไร่
ขณะเดียวกัน ทหารกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยงานหลายภาคส่วนได้นำรถบรรทุกยกสูง และเรือติดเครื่องยนต์เข้าไปดำเนินการช่วยเหลือขนย้ายประชาชนผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่อำเภอโนนสูง ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร และขณะนี้ระดับน้ำท่วมยังคงสูงอยู่กว่า 1-2 เมตร ชาวบ้านเดือดร้อนนับ 1,000 หลังคาเรือน