เชียงใหม่ - คณะแพทยศาสตร์ มช.ประกาศเลื่อนแผนปิดหอผู้ป่วยหนักโควิด-19 ในความรับผิดชอบออกไป หลังพบยอดผู้ติดเชื้อในเชียงใหม่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการระบาดในคลัสเตอร์เดิม และเกิดคลัสเตอร์ใหม่เพิ่ม หวังเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึงเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโดยเร็ว
วันนี้ (27 ก.ย. 64) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ ส่งผลทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยหนัก (กลุ่มสีเหลือง ส้ม แดง) ในความดูแลของคณะแพทยศาสตร์ มช. ทั้งในส่วนของหอผู้ป่วยหนัก รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ และโรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ เพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นอีกได้ในระยะนี้ เนื่องจากยังมีการระบาดในคลัสเตอร์เดิม และคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทีมแพทย์ พยาบาล ต้องเตรียมพร้อมด้านอัตรากำลังเพื่อดูแลผู้ป่วย ดังนั้น แผนการที่จะปิดหอผู้ป่วยหนักโรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ จึงยังไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังถือว่าค่อนข้างวิกฤต
โดยที่ก่อนหน้านี้ยอดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในจังหวัดมีจำนวนไม่ถึง 50 รายต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นรายที่อาการไม่หนัก แต่ในขณะนี้บางวันจำนวนผู้ป่วยก็เพิ่มขึ้นสูงกว่า 100 ราย จากการสะสมของจำนวนผู้ป่วยที่มีมากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะมีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น และที่สำคัญ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อและมีความรุนแรงมักจะเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องชะลอการปิดหอผู้ป่วยหนักโรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ออกไปก่อน ทั้งนี้ ด้วยพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์ มช. คือมีความมุ่งมั่นจะดูแลผู้ป่วยทุกคนโดยเฉพาะผู้ป่วยหนักให้ดีที่สุด
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดวันนี้ (27 ก.ย. 64) ในส่วนของผู้ป่วยที่คณะแพทยศาสตร์ มช.ดูแลนั้น คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุดขณะนี้มีผู้ป่วยใหม่ (กลุ่มอาการหนัก) ที่เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้น โดยในขณะนี้ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่มีผู้ป่วยในจำนวน 12 ราย และที่หอผู้ป่วยหนัก รพ.ประสาทเชียงใหม่ จำนวน 7 ราย จึงต้องมีการจัดอัตรากำลังทีมแพทย์พยาบาลในส่วนนี้ไว้เต็มศักยภาพ ด้วยภารกิจที่ต้องดูแลผู้ป่วยระดับหนักให้ดีที่สุด โดยขอให้มั่นใจในศักยภาพของทีมแพทย์พยาบาล พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยของ รพ.มหาราชฯ ซึ่งยืนยันว่าสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช.กล่าวถึงแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่าทุกกลุ่มมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับวัคซีนทั้งหมดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน กรณีที่มีวัคซีนเพียงพอ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง ประชาชนวัยทำงานและเด็กที่มีอายุมากกว่า 13 ปี มีความจำเป็นที่ควรได้รับวัคซีนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศ และทางจังหวัดเป็นหลัก ทั้งนี้ ขอให้มีความมั่นใจว่าโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และจะผ่านวิกฤตไปด้วยกัน