เชียงใหม่ - เศร้า! “พ่อครูบุญศรี รัตนัง” ศิลปินแห่งชาติสาขาการแสดงดนตรีพื้นบ้านล้านนา เสียชีวิตแล้วอย่างสงบช่วงเช้ามืดวันนี้ โดยทางเพจ พ่อครูบุญศรี รัตนัง โพสต์ข่าวเศร้าการจากไปของศิลปินล้านนาผู้ที่มีชื่อเสียงและผลงานเพลงพื้นบ้านล้านนาที่โด่งดังจำนวนมาก รอรายละเอียดของการเสียชีวิต และการจัดพิธีศพจากทางครอบครัวอีกครั้ง
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันนี้ (20 ส.ค. 64) ทางเพจ พ่อครูบุญศรี รัตนัง ซึ่งโพสต์โดยแอดมินของเพจได้แจ้งข่าวร้ายการเสียชีวิตลงของ พ่อครูบุญศรี รัตนัง ซึ่งเป็นศิลปินพื้นบ้านล้านนาที่คร่ำหวอดในวงการดนตรีพื้นบ้านล้านนา และเป็นศิลปินนักร้องเพลงพื้นบ้านล้านนาที่โด่งดังที่สุดท่านหนึ่ง ซึ่งยังไม่ได้แจ้งรายละเอียดของการเสียชีวิตและการจัดงานศพของท่าน โดยแจ้งเพียงว่าพ่อครูได้เสียชีวิตลงแล้ว แต่เนื่องจากเป็นช่วงของการเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้นรายละเอียดและกำหนดการในการจัดงานจะแจ้งให้ทราบอีกที ทั้งนี้ ได้มีศิลปินพื้นบ้านล้านนาอย่าง ครูแอ๊ด ภานุทัต โพสต์แสดงความเสียใจ รวมทั้งลูกษิย์ลูกหา และแฟนเพลงชาวล้านนาเข้ามาแสดงความเสียใจและแสดงความอาลัยต่อการจากไปของพ่อครูบุญศรี รัตนัง จำนวนมาก
สำหรับ นายบุญศรี รัตนัง เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2496 จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านป่าเหมือดวิทยาคาร ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ในขณะที่เรียนหนังสือได้มีโอกาสเรียนดนตรีพื้นเมือง คือ ซึง ขลุ่ย และสะล้อ จากพ่อสิงห์คำ รัตนัง จึงเริ่มตั้งวงดนตรีพื้นเมือง โดยรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้านรับเล่นดนตรีตามงานทั่วไปในหมู่บ้าน, พ.ศ. 2513 ได้รับการแนะนำจาก พ่อสม บุญเรือง ช่างปี่ประจำหมู่บ้าน ให้ไปเรียนเป่าปี่เพื่อเข้ากับการขับซอ เมื่อเข้ามาสู่วงการศิลปินพื้นบ้าน พ่อครูจันทร์ตา ต้นเงิน ซึ่งเป็นพ่อครูสอนการขับซอ ให้ไปเรียนขับซอกับท่าน เพื่อเป็นการสืบทอดการขับซอพื้นบ้านล้านนาไม่ให้สูญหายไปจากลูกหลานและดินแดนล้านนา เพราะในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่เริ่มมีวัฒนธรรมแบบตะวันตกเข้ามามากขึ้น
พ.ศ. 2523 ได้คู่ซอที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงคือ นางบัวตอง เมืองพร้าว จึงนำประสบการณ์ และความรู้ที่มีทั้งหมดเกี่ยวกับดนตรีและศิลปวัฒนธรรมล้านนาสร้างสรรค์ผลงานของตนเองขึ้น เช่น การแต่งซอพื้นเมือง แต่งละคร แต่งคร่าว แต่งจ๊อย และที่สำคัญมากที่สุดคือ การแต่งเพลงคำเมือง เนื่องจากยุคนั้นเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมในล้านนา
พ.ศ. 2525 ได้ออกแผ่นเสียงเพลงลูกทุ่งคำเมือง ซึ่งเป็นเพลงแนวใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการเพลงล้านนา และถือว่าเป็นบุคคลแรกที่เริ่มต้นสร้างแนวเพลงแนวนี้ขึ้น เป็นผลงานที่แต่งเอง ร้องเอง และควบคุมดนตรีเองทั้งหมด โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า “ลุงอดผ่อบ่ได้” เพลงทั้งหมดในอัลบั้มเป็นเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนให้เห็นถึงจารีต ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนล้านนาได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น เพลงบ่าวเคิ้น เป็นเพลงที่นำเอาดนตรีพื้นบ้านทำนอง “ปั่นฝ้าย” มาผสมผสานกับเครื่องดนตรีสากลได้อย่างลงตัว
พ.ศ. 2526 มี 3 อัลบั้ม คือ เมาตึงวัน, สามตอง และเบื่อผัวสามตอง ซึ่งในอัลบั้ม เมาตึงวัน ได้มีการนำเอาทำนองซอ “ล่องน่าน” มาประยุกต์ให้เข้ากับดนตรีสากล และแต่งออกมาเป็นเพลง น้ำตาเมียน้อย ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลแรกในล้านนาที่นำเอาเพลงซอทำนองล่องน่านนี้มาประยุกต์เป็นเพลงลูกทุ่งคำเมือง
พ.ศ. 2527 มีอัลบั้ม หนุ่มรถอีแต๋นครวญ และ คุณนายป่ามป้าม มีการแต่งเพลงแนวใหม่ขึ้น โดยนำเอาเพลงแหล่แบบภาคกลางมาปรับให้เข้ากับคำเมือง กลายเป็น เพลงแหล่คำเมือง ขึ้น โดยเพลงแรกที่แต่งขึ้นมาคือ เพลงแหล่หอยไห้ มีเนื้อหาสอดแทรกเรื่องของคำสอนในพุทธศาสนา และคติสอนใจ
ปัจจุบันมีผลงานเพลงที่แต่งขึ้นมาทั้งหมดประมาณ 500 กว่าเพลง มีผลงานอัลบั้มซอพื้นบ้านมาแล้วกว่า 30 ชุด ผลงานซอบางเรื่องที่มีการนำมาบันทึกเสียงใหม่ และจัดทำในรูปแบบของซอสายการศึกษา เช่น ซอเรื่องดาววีไก่หน้อย สูมาครัวตาน และต๋ำฮายา ที่นำมาบันทึกรวมกันใน พ.ศ. 2543 โดยมีการจัดทำเป็นวีซีดี ซอคาราโอเกะเพื่อการศึกษาขึ้นเป็นครั้งแรกในล้านนา, ผลงานการแต่งคร่าวมีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน แต่ส่วนมากจะเป็นการแต่งให้ผู้อื่นและไม่ได้มีการเก็บต้นฉบับไว้
การสร้างสรรค์ผลงานประเภทอัลบั้มดนตรีพื้นเมืองประมาณ 10 กว่าชุด ชุดที่ได้รับความนิยมคือ ชุด ดนตรีพื้นเมืองประยุกต์ (2534) เพราะมีการนำเอาเครื่องดนตรีพื้นบ้านล้านนามาบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีสากลบางชนิด และมีการประยุกต์ให้มีจังหวะที่เร็วขึ้น ทำให้จากปกติที่ดนตรีพื้นเมืองมักจะมีจังหวะที่ช้าก็เปลี่ยนให้มีจังหวะที่เร็วขึ้น ฟังแล้วครึกครื้นมากขึ้น ปัจจุบันได้สร้างศูนย์สืบสานภูมิปัญญาล้านนาขึ้น โดยสร้างเป็นอาคารยกพื้นสูงหลังเล็กๆ ติดทุ่งนา ซึ่งใช้ทุนส่วนตัวเป็นหลักและมีทุนจากองค์กรต่างๆเข้ามาร่วมบ้าง เช่น อบต. และกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการสอนดนตรีพื้นเมือง ซอพื้นเมือง จ๊อย คร่าว สอนการฟ้อนล้านนา สอนการทอผ้า และสอนในเรื่องของภูมิปัญญาชาวบ้านแบบล้านนาโบราณ