ลำปาง - นายอำเภอเมืองลำปางต้องนำ จนท.บุกตรวจถึงบ่อ-แจ้งความดำเนินคดีกันซ้ำอีก..หลังดักจับรถขนขยะต่างถิ่นเข้าพื้นที่คาหนังคาเขา ขณะที่ชาวบ้านระบุชัดมากันกลางดึกแทบทุกคืนทั้งที่ถูกสั่งปิด เคยทำ MOU กันแล้ว แถมไฟไหม้หน้าแล้งหลายครั้ง
หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำปางได้รับการร้องทุกข์ร้องเรียนว่า ในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนจะมีรถบรรทุกสิบล้อทะเบียนต่างจังหวัดบรรทุกขยะต่างถิ่นแอบเข้ามาทิ้งในพื้นที่เอกชนเขต อ.เมืองลำปาง ซึ่งเป็นบ่อขยะที่เคยเกิดปัญหาไฟไหม้ในช่วงฤดูแล้งบ่อยครั้งและมีคำสั่งให้ปิดบ่อขยะไปแล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบมาทิ้งอย่างต่อเนื่องแทบทุกคืน
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงจัดกำลัง อส.ดักซุ่มตรวจสอบ กระทั่งเวลา 00.30 น. วันที่ 16 ส.ค. 64 พบรถบรรทุก 12 ล้อ ยี่ห้อฟูโซ่ สีขาว ทะเบียน 831763 กำแพงเพชร บรรทุกของมาเต็มคันโดยมีผ้าใบปิดคลุมอย่างมิดชิด เข้าไปยังบ่อขยะที่คนในพื้นที่เรียกว่า “บ่อขยะลุงแก้ว” เขต ต.ธงชัย อ.เมืองลำปาง
อส.ที่ซุ่มอยู่จึงแจ้งนายอำเภอเมืองลำปาง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง กำนันตำบลต้นธงชัย ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ต้นธงชัย เข้าร่วมกันตรวจสอบ พบนายพรชัย อร่ามเรือง เป็นคนขับ ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่าได้บรรทุกขยะมูลฝอยเต็มคันเดินทางมาจาก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อนำมาทิ้งในบ่อขยะลุงแก้ว โดยได้รับค่าจ้างขนครั้งละ 4,500 บาท จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งฝายตรวจอายัดรถไว้ก่อน
ล่าสุดนายวาทิต ปัญญาคม นายอำเภอเมืองลำปาง พร้อมด้วยปลัดอำเภอเมืองฝ่ายความมั่นคง กำนัน ต.ต้นธงชัย ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต้นธงชัย สมาชิก อส.อำเภอเมืองลำปาง และผู้แทน ทสจ.ลำปาง เข้าตรวจสอบภายในบ่อขยะลุงแก้ว หรือนายเอกสิทธิ์ วงศ์อ๊อด พบว่าภายในซึ่งมีพื้นที่กว้างหลายสิบไร่ยังคงมีขยะที่นำมาทิ้งและฝังกลบจำนวนมากส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง
เบื้องต้นนายเอกสิทธิ์ระบุว่าบางครั้งก็จะมีหน่วยงานต่างๆ ขอเอาขยะมาทิ้งบ้าง ตนก็อนุญาตโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามว่าบ่อขยะแห่งนี้ถูกปิดแล้วใช่หรือไม่ ลุงแก้วก็ยอมรับว่าใช่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่พบเจอเหตุซึ่งหน้าได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษลุงแก้ว และนายพรชัย คนขับรถ โดยแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และก็แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 มาตรา 18 มาตรา 19 โดยร่วมกันดำเนินกิจการรับทำการเก็บขยะหรือกำจัดสิ่งปฏิกูล ขยะมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือรับประโยชน์ตอบแทน ด้วยการคิดค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนทางท้องถิ่นจะได้ดำเนินคดีอีกส่วนหนึ่งต่อไป
ทั้งนี้ การลักลอบทิ้งขยะในพื้นที่เกิดขึ้นหลายครั้งในห้วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่ได้ร้องเรียนตลอดเนื่องจากเวลารถวิ่งผ่านจะมีน้ำสกปรกไหลลงบนพื้นถนนส่งกลิ่นเหม็น นอกจากจุดที่ทิ้งขยะอยู่ติดกับลำห้วย ทำให้น้ำจากขยะซึ่งสกปรกปนเปื้อนไหลซึมลงลำห้วยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ช่วงฤดูแล้งก็มักจะเกิดไฟไหม้บ่อขยะ ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ต้องระดมเจ้าหน้าที่มาช่วยดับไฟกันแทบทุกปี กระทั่งในปี 2562 เกิดไฟไหม้บ่อขยะชาวบ้านได้รับผลกระทบเพราะเกิดควัน กลิ่น จึงรวมตัวร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมฯ จนมีการเรียกลุงแก้วเข้าไปทำ MOU ร่วมกับภาครัฐ โดยห้ามไม่ให้มีการนำขยะมาทิ้งอีก และเคยมีการดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันไปแล้ว
แต่ต้นปี 2563 บ่อขยะแห่งนี้ก็ยังคงเกิดไฟไหม้อย่างหนักอีก จนต้องมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเข้มงวด เรื่องก็เงียบไป แต่สุดท้ายก็ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ายังคงมีการลักลอบขนขยะต่างถิ่นมาทิ้งเหมือนเดิม จึงต้องมีการดักซุ่มและจับกุมได้ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยังคงสงสัยว่าทำไมยังปล่อยให้มีการนำขยะมาทิ้งในบ่อขยะดังกล่าวได้ ทั้งที่เคยมีการเข้าตรวจสอบสั่งปิด-ดำเนินคดีมาแล้ว และทำไมยังคงสามารถขนขยะต่างถิ่นผ่านด่านต่างๆ ได้อย่างสบายทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงการคุมเข้มโควิด