ศูนย์ข่าวศรีราชา – ทนแรงกดดันไม่ไหว!นายกเมืองพัทยา ตั้งโต๊ะแถลงเหตุสวนนงนุช ตัดต้นไม้เก่าแก่ริมชายหาดเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ตลอดชายหาดพัทยา จนเกิดกระแสวิจารณ์หนักและถูกต่อต้านจากคนพื้นที่ อ้างต้นไม้เก่ายังอยู่ 75%
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Bhanuwat Jittivuthikarn” ได้โพสต์ภาพ นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช ได้ดูแลการตัดต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่งของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมระบุข้อความว่า “นี้คือการจัดการต้นไม้แบบมืออาชีพของสวนนงนุช สวนที่เจ้าของเคลมว่าเป็นคนรักต้นไม้
และนี้คือ การจัดการต้นไม้ของสวนนงนุช สวนที่เคลมว่าตัวเองจัดสวนได้สวยที่สุดในโลก ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้คู่บ้านคู่เมืองของคนพัทยา เป็นต้นไม้ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ที่เหลืออยู่ไม่กี่ต้นในหาดพัทยา มันให้ร่มเงา รากยึดทรายไม่ให้พังลงถึงทรงมันจะไม่สวย เหมือนปาล์มนำเข้าจากเมืองนอก อย่ามาอ้างว่าต้องตัดทิ้ง เพราะใบมันร่วงเยอะ
ผมคนพัทยา ผมอยากได้ อะไรที่เป็นของแท้ ต้นไม้ที่เกิดเองตามธรรมชาติ อยู่รอดได้เองตามธรรมชาติ เป็นมรดกตกทอด มีความภูมิใจ มีเรื่องราวเล่าให้คนรุ่นหลังได้ฟัง ว่า หาดพัทยา ตามแบบธรรมชาติ เป็นแบบไหนฯลฯ จนสร้างกระแสความไม่พอใจแก่ชาวโซเชียลฯ เป็นอย่างมากนั้น
ล่าสุดวันนี้ ( 16 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นในเมืองพัทยา เมื่อ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น โดยว่าโครงการดังกล่าวเป็นไปตามแผนปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยาระยะทาง 2.7 กม.
โดยเมืองพัทยาได้ว่าจ้าง บริษัท นงนุชแสนต์สเคป แอนด์ การ์เด้นดีไซน์ จำกัด ด้วยงบประมาณกว่า 166 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการปรับพื้นที่เปิดหน้างานก่อนจะมีกระแสเรียกร้องให้หยุดและพิจารณาโครงการใหม่ เนื่องจากถูกต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ว่า เป็นการทำลายธรรมชาติ
นายสนธยา ยืนยันว่า โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล ในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งเมืองพัทยา จะถูกยกระดับให้เป็นศูนย์กลางของ EEC ที่มีระบบการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน
ส่วนกระแสไม่พอใจเรื่องการตัดต้นไม้ที่อยู่คู่ชายหาดมายาวนานนั้น ยืนยันว่า เมืองพัทยา และสวนนงนุช ได้ทำการสำรวจต้นไม้ทุกต้นและได้มีการศึกษาออกแบบการปรับแต่ง เคลื่อนย้ายและปลูกใหม่ เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่เป็นไปตามเป้าหมาย
เช่นเดียวกับกรณีการรื้อถอนต้นหูกวางนั้น กลุ่มผู้ประกอบการชายหาดทราบว่าดีว่า ต้นหูกวาง เป็นไม้เนื้ออ่อนที่ปลูกง่ายโตจึงใช้ปลูกเพื่อให้ร่มเงา
“ แต่ปัญหาของต้นไม้ที่มีอายุมาก คือ เมื่อเกิดลมแรงมักจะหักโค่น ลูกและใบต้นหูกวางจะร่วงลงพื้นและได้สร้างปัญหาในกลุ่มผู้ประกอบการเรื่อยมา จึงจำเป็นต้องปรับแต่งในส่วนที่หักโค่นและปลูกเพิ่มเพื่อให้เกิดความงดงาม สิ่งสำคัญ คือ การศึกษาออกแบบจะเน้นเรื่องการปรับภาพลักษณ์และทัศนียภาพให้เข้ากับบรรยากาศของชายทะเล ไม่ใช่ปลูกแต่ต้นปาล์ม ตามที่มีบางสื่อได้นำเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง”
ทั้งนี้นายสนธยา ยืนยันว่า ที่โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยา จะรักษาต้นไม้เดิมไว้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 75% และที่ผ่านมาก็ได้มีการทำประชาพิจารณ์เรื่องดังกล่าวไปแล้ว ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถจัดการประชุมให้ประชาชนจำนวนมาก ได้เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ยันงบโครงการฯ กับงบจัดซื้อวัคซีนโควิด -19 คนละส่วนกัน
ส่วนกรณีกระแสกล่าวว่าควรนำงบในการดำเนินโครงการดังกล่าวไปจัดซื้อวัคซีนเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้กับประชาชนในพื้นที่นั้น นายสนธยา ยืนยันว่าเป็นคนละส่วนกัน
เพราะในส่วนของปัญหาโควิด-19 นั้นเมืองพัทยาได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องโดยจะเห็นได้จากการจัดซื้อ “ชิโนฟาร์ม” จากสถาบันจุฬาภรณ์ฯจำนวน 5 หมื่นโดส ซึ่งปัจจุบันได้รับการจัดแล้วจำนวน 3 หมื่นโดสที่มีการชำระเงินเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งการจัดเงินสำหรับเยียวยาประชาชนในพื้นที่ครอบครัวละ 2,000 บาทจำนวนกว่า 20,000 ครอบครัว
และการจัดหาชุดตรวจ ATK เพื่อมาตรวจเชิงรุกให้กับประชาชนในกลุ่มเสี่ยงซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้แยกปัญหาและความสำคัญด้านการพัฒนากับการควบคุมและป้องกันปัญหาโรคระบาดด้วย.....