พระนครศรีอยุธยา - วัยรุ่นเลือดร้อนอยุธยา ต่อยหน้าบุรุษพยาบาลสำนึกผิด ดอดเข้ามอบตัวแล้วหลังตกเป็นข่าว อ้างโมโหบุรุษพยาบาลคนดังกล่าวที่มาต่อว่าในเรื่องท่อรถจักรยานยนต์เสียง
จากกรณีบุรุษพยาบาลโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ถูกวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ชกต่อยเข้าที่ดั้งจมูก จนดั้งหัก ขณะออกเวรมาซื้ออาหารรับประทานที่หน้าร้านสะดวกซื้อ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 14 ส.ค. เวลา 18.30 น. หลังจากนั้นผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา และในโลกโซเชียลได้แชร์พฤติกรรมวัยรุ่นที่ก่อเหตุและแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด วันนี้ (17 ส.ค.) ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา นายนายศักดา พยากรณ์ หรืออ๊อฟ อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 13/2 หมู่ 5 ต.คลองสระบัว อ.พระนครศรีอยุธยาผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฎฐเดชา ฐานิสภัทราพงศ์ รอง ผกก.สส.พระนครศรีอยุธยา หลังตกเป็นข่าว จึงเดินทางมาพร้อมครอบครัว
นายศักดา ผู้ก่อเหตุกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเย็นของวันที่ 14 ส.ค. ตนเองกำลังจะขับรถจักรยานยนต์ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ เป็นจังหวะที่ผู้เสียหายยืนโทรศัพท์หันหลังอยู่ และได้ต่อว่าตนเรื่องท่อเสียงดังทำให้คุยโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง ตนเองจึงต่อว่าผู้เสียหายไปว่าปากดีนัก เป็นจังหวะกับผู้เสียหายหันหน้ามาพอดี ตนจึงใช้หมัดชกเข้าไปที่ใบหน้าอย่างแรง 1 ครั้ง
จากนั้นขับรถจักรยานยนต์กลับไปที่บ้าน ซึ่งอยู่ที่ตำบลคลองสระบัว หลังจากก่อเหตุ ตอนเย็นได้ทราบข่าวจากทางเฟซบุ๊กว่ามีคนลงเรื่องราวบุรุษพยาบาลถูกวัยรุ่นชกต่อยโดยในรูปเป็นตนเอง และมีข่าวออกทางโทรทัศน์ จึงได้ตัดสินใจเข้ามอบตัวเพื่อรับผิดต่อการกระทำของตนเอง และต้องกราบขอโทษบุรุษพยาบาลที่ตนเองได้เกิดอารมณ์โมโหและชกต่อยจนได้รับบาดเจ็บ และขอโทษสังคมด้วย อยากเตือนหากใครเจอเหตุการณ์แบบนี้อยากจะให้ใจเย็นกว่านี้
ทางด้าน พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเนื่องจากผู้เสียหายเป็นบุรุษพยาบาล และเป็นด่านหน้า ทำหน้าที่รักษาประชาชนหนักมากพอแล้วในช่วงที่โควิด-19 ระบาด มาถูกวัยรุ่นก่อเหตุขึ้น หลังจากเกิดเหตุตนเองได้สั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามจนทราบตัวผู้ก่อเหตุ โดยมีพยานหลักฐาน และวันนี้ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว โดยยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุจริงเพราะเนื่องจากโมโหบุรุษพยาบาลคนดังกล่าวต่อว่าในเรื่องท่อรถจักรยานยนต์เสียงดัง
ส่วนกรณีที่มีการสงสัยกันว่าอาจจะมีการจ้างวานทำร้ายร่างกาย ไม่น่าจะเป็นไปได้เนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่ได้ปิดบังใบหน้า แต่เป็นเหตุซึ่งหน้าที่มีการต่อว่า จนผู้ก่อเหตุใช้หมัดชกเข้าไปที่ใบหน้าเพียง 1 ครั้ง ก่อนขับรถออกไป ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งตั้งข้อหาทำร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุอันตรายต่อกาย และจิตใจ ตรวจสอบประวัติ ผู้ต้องหาเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปี 2562 คดีวิ่งราวทรัพย์และปล้นทรัพย์ ติดมา 13 ปี พ้นโทษได้มาเพียง 2 ปีก็มาก่อเหตุในครั้งนี้
ส่วนบุรุษพยาบาลคนผู้หายเสียหาย ผู้สื่อข่าวได้โทร.ไปสอบถามขณะนี้อยู่ระหว่างเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าผู้ก่อเหตุจะเดินทางเจ้ามามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งรู้สึกว่าปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีจนได้
ด้าน น.ส.วัลชลี ศรีรักษ์เสือ อายุ 34 ปี ภรรยาผู้ต้องหาเผยว่า สามีของตนเองหลังจากก่อเหตุได้เดินทางกลับบ้านและมีสีหน้าเครียดตนเองจึงถามว่าเครียดเรื่องอะไร สามีตอบว่าไปชกต่อยบุรุษพยาบาลอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อมา ส่วนสาเหตุสามีบอกว่า ผู้เสียหายนั้นได้ต่อว่าตนเองเรื่องเสียงท่อดัง ทำให้สามีของตนเกิดอารมณ์โมโหจึงได้ชกต่อยเข้าที่ใบหน้าของบุรุษพยาบาล ส่วนสามีของตนเองมีอาชีพเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์และช่วงนี้ไม่มีงาน อีกทั้งประกอบกับลูกชายป่วยติดโรคโควิด-19 จึงเกิดอาการเครียดมาหลายวันจนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และยอมรับในสิ่งที่สามีกระทำ จึงกราบขอโทษสังคมและผู้เสียหาย