ตาก - โควิดนับวันยิ่งวิกฤตหนัก..พบคลัสเตอร์ใหญ่บ้านฤาษีเลตองคุติดเชื้อแล้วเกือบ 100 คน แต่ทีม สธ.ทำงานกันสุดลำเค็ญ เส้นทางเข้าถึงเละเป็นทะเลโคลน โฟร์วีลพยาบาลติดโซ่ยังติดหล่มกันระนาว ส่วนชายแดนแม่สอดยิ่งสาหัสผู้ติดเชื้อพุ่งไม่หยุดแถมมีตายรายวันจนเผาแทบไม่ทัน-เสี่ยงเตาพัง ต้องเร่งหาเตาเผาศพเคลื่อนที่กันแล้ว
วันนี้ (16 ส.ค. ) สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดตาก ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤตต่อเนื่องทั่วทุกอำเภอตลอดแนวพรมแดน ล่าสุดพบคลัสเตอร์ใหญ่เพิ่มขึ้นในพื้นที่บ้านเลตองคุ หมู่ที่ 10 ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง ซึ่งเป็นหมู่บ้านฤาษีแห่งเดียวในประเทศไทย โดยคาดว่าการแพร่ระบาดอาจจะมาจากมีคนต่างด้าวเข้ามาเยี่ยมญาติภายในหมู่บ้านเลตองคุเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวิถีชีวิตปกติในหมู่บ้านแนวชายแดน
เบื้องต้นทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและโรงพยาบาลอำเภออุ้มผางได้ตรวจพบชาวบ้านเลตองคุติดเชื้อโควิด-19 แล้วจำนวน 85 รายและยอดกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนต้องเปิดปฏิบัติการปิดหมู่บ้านโดยทันทีเพื่อออกตรวจเชิงรุกชาวบ้านทั้งหมู่บ้านที่มีจำนวนกว่า 1,596 คน
แต่การทำงานเชิงรุกค่อนข้างยากลำบากมากที่สุดเท่าที่เคยทำกันมาในจังหวัดตาก เนื่องจากบ้านเลตองคุเป็นพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารตั้งอยู่บนพื้นที่ป่าทึบ เดินทางเข้า-ออกยากลำบากที่สุดในพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดตาก
เส้นทางจากตัวอำเภออุ้มผางไปถึงหมู่บ้านเลตองคุระยะทาง 102 กิโลเมตร (ดอย) ต้องลัดเลาะยอดภูเขาสูง นอกจากนี้ ถนนเข้าหมู่บ้านกลายเป็นทะเลโคลนลึกเกือบตลอดเส้นทาง เนื่องจากฝนตกหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหนักสุดอยู่ช่วงเส้นทางระหว่างหมู่บ้านเลตองคุ-หมู่บ้านเปิ่งเคลิ่ง ที่ห่างกันเพียง 15 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าครึ่งวัน และรถพยาบาลหลายคันต้องติดกลางกองทะเลโคลนไปต่อไม่ได้
เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าหมู่บ้าน พร้อมกับร้องขอรถชาวบ้านและกำลังทหารที่ประจำการในหมู่บ้านมาช่วยกันชักลากด้วยความทุลักทุเลทุกคัน จนเป็นอุปสรรคสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและการเดินทางของทีมเจ้าหน้าที่
รายงานสถานการณ์ล่าสุดภายในหมู่บ้านเลตองคุ เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายกำลังเร่งก่อสร้างโรงพยาบาลสนามและต้องทำงานแข่งกับเวลา คาดว่าไม่เกิน 5 วันนี้โรงพยาบาลสนามบ้านเลตองคุจะแล้วเสร็จ ขณะเดียวกัน ระหว่างรอการก่อสร้างโรงพยาบาลสนามในหมู่บ้านทีมตรวจเชิงรุกก็ลงพื้นที่เข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้แก่ชาวบ้าน แต่ก็ประสบปัญหาชุดตรวจมีไม่เพียงพอเนื่องจากการขนส่งอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ส่วนผู้ป่วยขณะนี้มีรายงานว่ามีเด็กเล็กและผู้ใหญ่ติดเชื้อจำนวนมาก หลายรายอาการน่าเป็นห่วงต้องส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอำเภออุ้มผาง ขณะที่ผู้ป่วยอาการเล็กน้อย-ปานกลางเจ้าหน้าที่ให้กักตัวอยู่ในบ้าน ทำให้ชาวบ้านเริ่มขาดแคลนอาหารการกินเนื่องจากไม่สามารถเดินทางหาอาหารได้ตามปกติจากคำสั่งปิดหมู่บ้านชั่วคราวเพื่อสกัดโรคที่ยังไม่สามารถหยุดยั้งได้
ด้านสถานการณ์โควิด-19 เขตอำเภอแม่สอด จ.ตาก ที่มีผู้ติดเชื้อทั้งไทยและต่างด้าวจนถึง 15 ส.ค.ที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาสูงถึง 3,314 ราย เฉพาะผู้ป่วยอาการหนักและอาการปานกลางที่อยู่ใน รพ.แม่สอด และ รพ.เอกชน มีเกือบ 600 ราย ส่วนผู้ป่วยระดับสีเขียวหรือไม่แสดงอาการถูกจัดให้รักษาตัวที่บ้าน กักตัวเองในพื้นที่กักตัวของชุมชน กักตัวรักษาภายในโรงงานทั่วพื้นที่แม่สอดอีกกว่า 2,000 กว่าราย
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดชนิดที่ว่ายิ่งตรวจยิ่งเจอในทุกพื้นที่ของแม่สอดทำให้สิ่งของในการปฏิบัติการภาคสนามเริ่มขาดแคลนและเจ้าหน้าที่ต้องทำงานเหนื่อยล้าตลอด 24 ชั่วโมง และที่น่ากังวลมากในขณะนี้พบว่ามีผู้ป่วยหลายราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ ทั้งไทยและต่างด้าว เสียชีวิตวันละหลายรายและต่อเนื่อง
บางวันหน่วยกู้ชีพมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์เขตนครแม่สอดต้องนำร่างผู้เสียชีวิตจากโควิดไปเผาที่สุสานแม่สอดวันละ 5-8 ศพ ทำให้เตาเผาศพถูกใช้งานอย่างหนัก จนหลายฝ่ายหวั่นเตาเผาศพจะชำรุด เนื่องจากต้องเผาศพทุกวันและเผาวันละหลายศพ ทั้งศพผู้เสียชีวิตตามปกติและศพผู้ป่วยโควิด
ล่าสุดทางมูลนิธิโรงพยาบาลแม่สอดได้เปิดรับบริจาคเงินทุนในพื้นที่แม่สอดเพื่อเร่งจัดซื้อเตาเผาศพปลอดมลพิษแบบติดตั้งชั่วคราวสามารถเคลื่อนย้ายได้และสามารถเผาศพได้ตลอดเวลา เพื่อใช้ลดภาระเตาเผาศพในสุสานแม่สอดซึ่งใช้งานอย่างหนักเกรงจะชำรุดในเร็ววันนี้หลังยอดผู้เสียชีวิตโควิดในอำเภอแม่สอดยังคงเพิ่มขึ้นแบบรายวัน