พระนครศรีราอยุธยา - จับแล้วมือฆ่าสาวโรงงาน ตำรวจคุมเข้ม “ไอ้ตาล” ผู้ต้องหาฆ่าสาวโรงงานเปลือยทิ้งคลองทำแผน ท่ามกลางแรงอาฆาตของชาวบ้าน หวิดโดนรุมประชาทัณฑ์
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ น.ส.วราพร อิ่มอาหาร อายุ 40 ปี พนักงานโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกคนร้ายใช้กางเกงรัดคอ ใช้ของแข็งทุบที่ศีรษะจนเสียชีวิต แล้วนำร่างทิ้งลงในคลองบางพระครู ม.3 ต.ตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา คนร้ายได้เผาเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตเพื่อทำลายหลักฐาน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมา ผลการตรวจสอบชันสูตรพบผู้ตายติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ต้องเร่งเผาศพก่อนกำหนดที่มีการกำหนดเอาไว้แบบเร่งด่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามคดี สอบสวนพยานบุคคล ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบรถยนต์ต้องสงสัยทั้งรถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์ ทำให้ตำรวจต้องเร่งหารถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยตำรวจยังตั้งประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว ชิงทรัพย์ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 ชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ชุดสืบสวน สภ.บางปะหัน สืบสวนจากพยาน หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิด จนทราบตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ จึงติดตามตัว นายกวินภพ หอมดวง อายุ 18 ปี เป็นคนงานก่อสร้างอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุผู้ต้องสงสัย
ล่าสุด วันนี้ (12 ส.ค.) นายพิษณุ อิ่มอาหาร อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/3 หมู่ 4 ตำบลทางกลาง อ บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสามี ของ น.ส.วราพร ผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรบางปะหัน หลังทราบข่าวว่ามีการจับคนร้ายที่ฆ่าภรรยาตน จึงเดินทางมาตรวจสอบเพื่อจะดูโฉมหน้าของคนร้าย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เข้าไปพบหรือพูดคุยกับใคร ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามความรู้สึกหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้
นายพิษณุ กล่าวว่า ความรู้สึกโกรธแค้นขณะนี้เบาลงบ้างแล้ว แต่ในส่วนตัวรู้สึกว่าแฟนของผมยังจากไปไม่สงบ เพราะว่าหลังจากแฟนผมเสียไปแล้ว ผมยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยทางสังคม และหลังจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างคงได้กระจ่างลง ขออย่ามาซ้ำเติมความรู้สึกของครอบครัว ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันให้มาถึงวันนี้
ในส่วนของผู้ต้องหาขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเพราะคำว่าครอบครัวพ่อแม่ลูกมันพัง และจบไปแล้ว ต้องให้เขามีความสูญเสียคนที่เขารักเขาถึงจะเข้าใจความรู้สึกว่าความรู้สึกนี้เป็นอย่างไร
ในส่วนข้อมูลที่ว่าคนร้ายลงมือคนเดียวคงต้องรอหลักฐาน ในส่วนตัวไม่เชื่อว่าทำคนเดียว อย่างไรก็ตาม ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนอย่างละเอียดอีกทีหนึ่ง
ต่อมา เวลา 14.00 น.วันนี้ (12 ส.ค.) พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผบก.ก.1 พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน คุมตัว นาย กวินภพ ผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่คลองบางพระครู ม.3 ต.ตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มารอดูใบหน้าคนร้ายในที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแฟนหนุ่ม ครอบครัว ญาติพี่น้องผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดและเก็บรวบรวมหลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ทำการเก็บดีเอ็นเอกลุ่มเป้าหมายเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ โดยกองพิสูจน์หลักฐานได้แจ้งผลการเปรียบเทียบทางนิติวิทยาศาสตร์วัตถุพยานในที่เกิดเหตุ พบว่า มีดีเอ็นเอตรงกับที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เก็บจากบุคคลกลุ่มเป้าหมาย พบว่าตรงกับนายกวินภพ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อออกหมายจับตามหมายจับที่ จ.200/2564 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงวันที่ 11 ส.ค. ในความผิดฐาน “ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปกปิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย” ได้ที่แคมป์พักคนงานก่อสร้างห่างจากจุดพบศพ 1 กิโลเมตร
จากการทำแผนจุดทิ้งศพ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้กระทำความผิดจริงและได้ทำการตรวจยึดของกลางที่ได้จากการกระทำความผิดตามคำให้การของผู้ต้องหา คือ 1.สร้อยคอทองคำ 2.รถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ 3.เครื่องแต่งกายที่ใช้ในการก่อเหตุ มูลเหตุจูงใจผู้ต้องหารับว่า มาดักรอผู้ตาย หลังจากได้ดื่มสุราตั้งแต่หลังเลิกงานช่วงเย็นอยู่ที่พักคนงาน จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมาดูหน้าที่ตนเองทำอยู่ ก่อนขี่รถจักรยานยนต์จอดที่เนินดินใกล้แคมป์คนงานซึ่งติดกับถนน เห็นผู้ตายซึ่งขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาโดยลำพัง จึงขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามเพื่อประสงค์ที่จะชิงทรัพย์
โดยใช้เท้าถีบให้รถ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้หญิง จึงประสงค์ที่จะล่วงละเมิดทางเพศด้วย จึงได้บังคับพาตัวไปโดยลักษณะให้คร่อมรถจักรยานยนต์อยู่หน้าผู้ต้องหา และพาไปยังจุดเปลี่ยว ซึ่งผู้ต้องหามีความคุ้นเคยในละแวกดังกล่าว โดยในขณะลงมือบังคับให้ถอดกางเกง เหยื่อขัดขืน ผู้ต้องหาจึงใช้กางเกงที่ถอดออกมารัดคอ แล้วใช้ก้อนหินทุบที่ศีรษะจนเหยื่อแน่นิ่ง จากนั้นจึงถอดเสื้อเห็นทองกับโทรศัพท์ จึงหยิบใส่กระเป๋าคาดเอวของตนเองก่อนจับขาขวาผู้ตายเหวี่ยงร่างลงไปในคลอง และเผาทำลายหลักฐาน ขณะทำแผนเสร็จกำลังคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ปรากฏว่า ชาวบ้านจำนวนมากแห่กันมาเพื่อจะทำร้ายผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ต้องป้องกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย โดยขณะทำแผนสามีผู้ตายก็มารอดูใบหน้าของคนร้าย อยู่ในอาการเงียบขรึมตลอดการทำแผน
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ หลายภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันจนสามารถจับคนร้ายรายนี้ได้สำเร็จ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ น่าจะเกิดจากการที่ดื่มสุราเข้าไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว
ทางด้านนายกวินภพ ผู้ต้องหาพูดสั้นๆ ขอโทษและเสียใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ตนยอมรับผิดในสิ่งที่ตนเองทำในครั้งนี้ วอนขอทางครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างตามราวีครอบครัวของตน เพราะคนอื่นไม่มีใครรู้เรื่องด้วย