พระนครศรีอยุธยา - รพ.ออกมาชี้แจงจากกรณีพนักงานขับรถพยาบาลติดโควิด-19 ซ้ำรอบ 2 ห่างแค่ 1 เดือน เร่งตรวจสอบเชื้อที่พบนำไปวิจัยว่าเชื้อดังกล่าวเป็นเชื้ออะไร และเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอะไร และสามารถจะติดซ้ำได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ถือว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่พบได้น้อยมากในทั่วโลก
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่พนักงานขับรถฉุกเฉิน ซึ่งเป็นด่านหน้าในการรับส่งผู้ป่วยของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ติดเชื้อโควิด-19 รอบสอง จึงได้มีการโทร.ไปสอบ นายวชิระ เกตุแก้ว อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นพนักงานขับรถฉุกเฉินคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนเองได้พักรักษาตัวที่ฮอสพิเทล เฮาส์ หลังจากมีการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งอาการไม่เป็นอะไรมาก มีเพียงไข้เล็กน้อย ตนเองเชื่อว่าได้รับเชื้อมาจากภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาเช่นกัน โดย ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก เมื่อวันที่ 24 พ.ค. หลังจากนั้น ก็ติดเชื้อโควิด-19 รอบแรกเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. จนรักษาหายสามารถกลับมาทำงานได้ปกติ และมีคิวได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในวันที่ 11 ส.ค. คือวันนี้ ส่วนภรรยาของตนได้รับวัคซีนซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม และจะได้ฉีดไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 แต่มาติดเชื้อก่อนจึงทำให้ยังไม่ได้ฉีด
ล่าสุด วันนี้ (11 ส.ค.) ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาพบกับ นพ.โชคชัย ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ออกมาชี้แจงในกรณีดังกล่าว่า ที่มีนายวชิระ เกตุแก้ว อายุ 39 ปี พนักงานขับรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาติดโควิด-19 รอบ 2 เบื้องต้น ผู้ป่วยเคยได้รับเชื้อเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีการรักษาตัวหายจนกลับมาปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม จนพบว่า ภรรยาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉินติดโควิด-19 และคาดว่าน่าจะติดเชื้อจากผู้ป่วย ทำให้พนักงานคนขับรถดังกล่าวอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จึงต้องทำการเข้าตรวจหาเชื้อ และพบว่าติดเชื้อโควิด-19 รอบ 2 แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นเชื้อใหม่ที่ติดจากภรรยา หรือว่าเป็นเชื้อเก่าที่มีโอกาสฟักตัวได้
เนื่องจากพนักงานคนขับรถดังกล่าวเพิ่งจะรักษาหายได้เพียง 1 เดือน ถือว่าเป็นเคสแรก และเคสตัวอย่าง พบได้น้อยในทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ได้ทำการเก็บเชื้อนำไปวิจัยว่าเชื้อดังกล่าวเป็นเชื้ออะไร และเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอะไร และสามารถจะติดซ้ำได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ซึ่งระยะการติดเชื้อห่างกันเพียง 1 เดือน โดยตอนนี้สถานการณ์ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ทุกคนถือว่าคือด่านหน้า ซึ่งเราป้องกันอย่างสุดความสามารถตามมาตรฐานต่างๆ
โดยในวันนี้ได้สั่งการให้ตรวจเชิงรุกพนักงานขับรถฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลทั้งหมดอีกครั้งจำนวนทั้งสิ้น 17 ราย ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิด คาดว่ารอผลอย่างชัดเจนอย่างน้อย 2 วัน
อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลจะได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้บุคลากร ทางการแพทย์ ซึ่งอยู่ในแผนการฉีดอยู่แล้วเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดต่อไป