ศรีสะเกษ - หนุ่มศรีสะเกษเกินรับไหว! โควิด-19 คร่าชีวิตพ่อและพี่สาวเสียชีวิตห่างกันเพียง 3 วัน เป็นศพที่ 10 และ 13 ของ จ.ศรีสะเกษ เผยทำร้านอาหารขายส้มตำ ลาบก้อย ที่ จ.สมุทรสาคร ทั้งครอบครัวติดเชื้อโควิด 4 คน ขณะแม่อายุ 62 ปี ยังรักษาอยู่ รพ. ส่วนเจ้าตัวรักษาหายแล้ว
วันนี้ (27 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.45 น.ที่ผ่านมา (26 ก.ค.) ที่บริเวณเมรุเผาศพของวัดแห่งหนึ่งอยู่ในเขต อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายปิยะ ยศศิริ อายุ 38 ปี ชาวบ้านดอนแก้ว ต.โนนค้อ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยญาติพี่น้อง พากันมารอเพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.รัตนา ยศศิริ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของนายปิยะ เสียชีวิตเมื่อช่วงเวลา 19.40 น.ของวันเดียวกันนี้ โดยเป็นศพที่ 13 ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ของ จ.ศรีสะเกษ
ญาติได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 4 รูป มาประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งต่อมารถกู้ชีพของมูลนิธิสว่างจิตต์ธรรมสถานได้นำศพของ น.ส.รัตนา บรรจุอยู่ในโลงศพมาถึงบริเวณเมรุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งสวมชุดป้องกันเชื้อ (PPE) ได้นำร่าง น.ส.รัตนา ขึ้นไปบนเมรุและได้ทำการกดปุ่มเผาศพทันที จากนั้นได้ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อรอบบริเวณเมรุและสิ่งของต่างๆ
นายปิยะ ยศศิริ อายุ 38 ปี น้องชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ครอบครัวของตนพากันไปประกอบอาชีพขายอาหารจำพวกส้มตำ ลาบก้อย อยู่ที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ต่อมามีการปิดตลาดสมุทรสาครหลายแห่ง โดยพ่อกับพี่สาวได้ติดเชื้อโควิด-19 พวกตนจึงพากันกลับมาบ้านโดยรถส่วนตัว ต่อมาวันที่ 28 มิ.ย. 64 พ่อของตนคือ นายชาญวิทย์ ยศศิริ อายุ 67 ปี มีอาการป่วยรุนแรง ได้ไปตรวจรักษาที่ รพ.โนนคูณ แต่เนื่องจากว่ามีอาการป่วยหนักมาก แพทย์ รพ.โนนคูณได้ส่งต่อมาที่ รพ.ศรีสะเกษ และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 64 เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 10 ของ จ.ศรีสะเกษ ด้วยโรคโควิด-19 โดยได้ทำการฌาปนกิจศพพ่อที่วัดแห่งนี้
และต่อมา น.ส.รัตนา ยศศิริ อายุ 40 ปี พี่สาวของตน ได้ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้มาเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.ศรีสะเกษเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 64 กระทั่งวันที่ 26 ก.ค. 64 เวลา 19.40 น.พี่สาวของตนได้เสียชีวิตไปอีกคน เป็นรายที่ 13 ของ จ.ศรีสะเกษ ที่เสียชีวิตด้วยโรคเดียวกันนี้
นายปิยะกล่าวต่อว่า ครอบครัวของตนมีด้วยกัน 6 คน ได้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 4 คน แต่แฟนของตนกับลูกรักษาตัวดีมากจึงไม่ได้ติดเชื้อแต่อย่างใด มีเพียงพ่อ แม่ พี่สาว และตน ที่ติดเชื้อ ทำให้พ่อกับพี่สาวเสียชีวิตในระยะเวลาห่างกันเพียง 3 วันเท่านั้น ทำให้ตนเกินที่จะรับได้เพราะสูญเสียคนที่รักในครอบครัวติดต่อกัน ตนได้กักตัวเกินกว่า 16 วัน และรักษาหายแล้ว ส่วนแม่อายุ 62 ปี ซึ่งติดเชื้อโควิด-19 เพิ่งกักตัวและรักษาตัวได้ประมาณ 6 วัน
สำหรับอัฐิของพ่อที่ฌาปนกิจไปเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 64 ตนได้นำอัฐิไปไว้ที่วัดบ้านเกิด และอัฐิของพี่สาวตนที่ฌาปนกิจในวันนี้จะนำไปไว้ที่วัดเดียวกัน หลังจากที่แม่ของตนพ้นกำหนดเวลากักตัวแล้วจึงจะได้ประกอบพิธีทางศาสนาอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อและพี่สาวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันเดียวกันนี้ ที่วัดแห่งนี้ได้มีการฌาปนกิจศพชายอายุ 46 ปี ชาว อ.ห้วยทับทัน ที่เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 ก.ค. 64 ด้วยโรคโควิด-19 เป็นรายที่ 11 ของ จ.ศรีสะเกษ ต่อมาเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างจิตต์ฯ ได้นำศพชายอายุ 64 ปี เป็นชาว อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เป็นรายที่ 12 ไปฌาปนกิจที่วัดแห่งหนึ่งในเขต ต.หนองไผ่ อ.เมืองศรีสะเกษ และในเวลา 19.40 น. วันนี้ (26 ก.ค. 64) น.ส.รัตนา ยศศิริ ได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เป็นรายที่ 13 และได้นำศพมาฌาปนกิจในช่วงเวลาประมาณ 22.45 น. ทำให้วันเดียวนี้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ของ จ.ศรีสะเกษ มีจำนวนมากถึง 3 รายด้วยกัน นับว่าเป็นนิวไฮของการเสียชีวิตมากที่สุดของ จ.ศรีสะเกษนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ