พิษณุโลก/กำแพงเพชร - เกษตรกรหลายพื้นที่เริ่มหาทางต่อยอด “สวนอินทผลัม” หลังกลายเป็นกระแส-คนฮิตปลูก ล่าสุดพบ “วิศวกรหนุ่ม KU59” ลุยผสมอินทผลัมพันธุ์ไทย แม่ค้าสาวใหญ่กำแพงเพชรปั้นเป็นจุดเช็กอินไม่พอ ทำ “ส้มตำอินทผลัม” สูตรเด็ดรับคนเที่ยวด้วย
หลังจากมีเกษตรกรหันมาลงทุนปลูก “อินทผลัม” กันอย่างแพร่หลาย และเริ่มทยอยให้ผลผลิตกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกษตรกรเจ้าของสวน/ไร่อินทผลัมหลายรายหาทางสร้างจุดขายเพื่อความยั่งยืนในตลาด มีทั้งการผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร พัฒนาสายพันธุ์ให้แตกต่างจากสวนอื่นๆ ที่ส่วนมากปลูกอินทผลัมพันธุ์นำเข้า บางรายก็นำผลผลิตอินทผลัมผสมผสานวัฒนธรรมอาหาร-เครื่องดื่ม เป็นต้น
นายศุภชัย อินทรัตน์ อายุ 41 ปี ศิษย์เก่าวิศวฯ โยธา ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน รุ่น KU 59-เจ้าของสวนอินทผลัมกินสดไร่อินทรัตน์ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก บอกว่า ต้องยอมรับช่วงนี้อินทผลัมกลายเป็นพืชที่ชาวบ้านทั่วไปกำลังหันมานิยมปลูกมากขึ้นเพราะราคาดี เริ่มจาก 350 บาท-หลักพันบาทต่อกิโลกรัม รวมทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วย
สำหรับไร่อินทรัตน์ เป็นไร่อินทผลัม 1 ใน 3 แห่งของ อ.วังทอง ซึ่งตนทดลองปลูกมาตั้งแต่ 8 ปีก่อน โดยโค่นต้นยางพาราที่ทำอยู่ระหว่างทำงานช่างเป็นลูกจ้างกรมชลประทาน ขุดอุโมงค์น้ำเขื่อนแควน้ำบำรุงแดน ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เริ่มปลูกราว 4-5 ไร่ ก่อนที่จะขยายพื้นที่ปลูกไปเรื่อยๆ จนขณะนี้มีแปลงปลูกอินผลัมรวม 20 ไร่ ใช้เงินลงทุนไปหลักแสนบาทแต่มีรายได้หลักล้านทีเดียว
นายศุภชัยย้ำอีกว่า ไร่อินทรัตน์ปลูกต้นอินทผลัมให้ผลผลิตมา 4-5 ปีแล้ว สามารถทำเงินล้านบาทได้ แต่ตนยังไม่หยุดศึกษาสายพันธุ์อินทผลัม จะต้องพัฒนาสายพันธุ์ให้แตกต่างจากเจ้าของสวนแห่งอื่น เพื่อที่อนาคตราคาผลผลิตจะไม่ตกลงเหมือนพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ทำอย่างไรให้ผลอินทผลัมมีรสชาติเป็นที่หวานอร่อยถูกปากคนไทย เพราะถ้านำต้นพันธุ์ซึ่งได้จากการ “เพาะเนื้อเยื่อ” จะเป็นสายพันธุ์ต่างประเทศล้วนๆ แถมมีราคาแพงต้นละหลักพันบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ ตนทำเป็น “น้ำอินทผลัมสด” ถือว่าเป็นของดีจากไร่อินทรัตน์ก็ว่าได้ เพราะได้นำลูกอินทผลัมที่เหลือแช่แข็งและนำออกมาคั้น-ต้มผ่านกระบวนการถนอมอาหารบรรจุเป็นขวดให้พร้อมดื่ม ซึ่งทุกเสาร์-อาทิตย์จะเตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยว หากใครอยากรับประทานอาจต้องแจ้งล่วงหน้า 1 วันเพื่อความสดใหม่ พร้อมเปิดให้ท่องเที่ยวบริเวณไร่อินทรัตน์เพื่อชิมลูกอินทผลัมหลากสายพันธุ์
ส่วนเกษตรกรท่านใดสนใจปลูกเป็นอาชีพก็มีให้หลายสายพันธุ์ให้เลือก ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ต้นเล็กๆ สูงประมาณ 1 ฟุต ต้นละ 150 บาทเท่านั้น หากสูงเกิน 1 ฟุตขึ้นไปราคาต้นละ 300 บาท สามารถติดต่อได้ผ่านเพจ อินทผลัมไร่อินทรัตน์ หรือเบอร์ 08-9460-2483
ด้านไร่อินทผลัม “บ้านสวนชิตตะวัน” เลขที่ 599/2 ม.1 ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ที่นางชณิตา คชฤทธิ์ อดีตแม่ค้าหมูสดวัย 53 ปี เริ่มลงทุนปลูกไว้เมื่อ 3 ปีก่อน ก็เริ่มให้ผลผลิตปีนี้เป็นปีแรก และกำลังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร-จุดเช็กอินใหม่ของขาณุวรลักษบุรีก็กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะนอกจากเจ้าของสวนจะทำจุดชมวิวมุมสูงในสวนให้สามารถถ่ายภาพบรรยากาศสุดฟิน พร้อมกับซื้อ “อินทผลัม” กลับบ้านไปเป็นของฝากและรับประทานกันมากมายในราคาถูกกิโลกรัมละ 250-300 บาท ขณะที่หลายสวนจะขายกันในราคา 500 บาทขึ้นไปแล้ว นางชณิตายังมีการนำผลอินทผลัมมาแปรรูปเป็นน้ำอินทผลัมผลสด, ไอศกรีมอินทผลัม และ ส้มตำอินทผลัม
โดยส้มตำอินทผลัมสูตรเด็ด เป็นการนำเอาผลอินทผลัมมาใช้เป็นส่วนผสมแทนมะละกอ พร้อมเครื่องสัมตำ ทั้งตำไทย และตำปูปลาร้า ตำผสมลงในครกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน แต่งรสตามความชอบของแต่ละคน ใครอยากได้รสชาติไหนสั่งได้ตามใจชอบ พร้อมเสิร์ฟให้รับประทานกับข้าวเหนียว ไก่ทอด
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเดินทางมาเที่ยวชม “บ้านสวนชิตตะวัน” สามารถปักหมุดมาตามชื่อได้ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-19.00 น. นอกจากนี้ยังมีบริการส่งทั่วประเทศผ่านขนส่งอีกด้วย โดยโทร.มาที่ 08-1888-7322 หรือเพจเฟซบุ๊ก : บ้านสวนชิตตะวัน