ประจวบคีรีขันธ์ - ชาวบ้านผวา! เทศบาลประจวบฯ นำขยะ พร้อมทั้งขยะติดเชื้ออย่างแมสก์ที่ใช้แล้วนำมาทิ้งในป่าชายเลนพื้นที่ชุ่มน้ำใจกลางเมือง
วันนี้ (8 ก.ค.) จ่าเอกเสกสรร จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากเทศบาลเมืองประจวบฯ มีปัญหาการนำขยะวันละ 45 ตัน จ้างบริษัทเอกชนเดือนละ 1.5 ล้านบาท ไปบำบัดที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ต่อมา มีการร้องเรียนถึง สำนักงาน ป.ป.ช. จากนั้นได้ติดตามการแก้ไขปัญหาทราบว่าขณะนี้เทศบาลได้นำขยะไปพักในชุมชนชุกกะรุม พื้นที่ชุ่มน้ำในป่าชายเลนคลองบางนางรม
หลังจากขอเช่าที่ดินจากเอกชนรายหนึ่งใกล้ทางรถไฟสายใต้ ในพื้นที่อ้างว่ามีเอกสารสิทธิ ห่างจากศาลากลางจังหวัดเพียง 500 เมตร ตรงข้ามหมู่บ้านดอนเหียง ต.เกาะหลัก สำหรับพื้นที่ดังกล่าวใกล้กับสถานที่ที่ในอดีตนายกเทศมนตรีรายหนึ่งจะใช้งบ 110 ล้านบาท ทำโครงการขยะฝังกลบแต่ถูกชาวบ้านคัดค้านเนื่องจากเกรงผลกระทบสิ่งแวดล้อม จากการตรวจสอบพบว่า กองขยะที่นำไปทิ้งในพื้นที่เช่ามีหน้ากากอนามัยใช้แล้วจำนวนมาก ซึ่งทางการแพทย์ถือเป็นขยะติดเชื้อต้องนำไปแยกบำบัด
นายทิวา ศุภจรรยา อดีต ส.ว.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันถิ่นฐานไทย กล่าวว่า เทศบาลเมืองประจวบฯ ไม่ควรนำขยะไปทิ้งในพื้นที่ป่าชายเลนคลองบางนางรม เนื่องจากมีผลกระทบในระยะยาว หากมีสารโลหะหนักปนเปื้อนลงน้ำใต้ดินไหลลงอ่าวประจวบคีรีขันธ์ จะทำให้เกิดความเสียหายทั้งระบบนิเวศวิทยา และแหล่งท่องเที่ยว
มีรายงานว่า ตัวแทนสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ฝ่ายค้าน ระบุว่า ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัด ที่ดินจังหวัด ฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบพิกัดแนวเขตที่ดินที่ขอเช่า และยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรมสอบถามผู้บริหารระดับจังหวัด ขอทราบว่าแนวเขตที่ดินดังกล่าวล้อมรอบด้วยแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติคลองบางนางรม พื้นที่ 1,073 ไร่หรือไม่ หรืออยู่ในระหว่างการเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิตามมติ กบร.จังหวัดหรือไม่ หากผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบฯ ต้องการทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส ใช้งบประมาณให้คุ้มค่า ควรนำสัญญาเช่าที่ดินออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะและต้องมีแนวทางป้องกันไม่ให้น้ำเสียจากรถบรรทุกขยะส่งกลิ่นเหม็นกระทบชาวบ้านในเส้นทางที่บรรทุกขยะวิ่งผ่านชุมชนเมือง