xs
xsm
sm
md
lg

ทัพเรือภาค 1 ร่วมสกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันดิบฝ่าฝืนกฏหมายกัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทัพเรือภาคที่ 1 ให้ความร่วมมือ กองทัพเรือกัมพูชา หลังได้รับประสานของความร่วมมือช่วยตรวจสอบสกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ไม่ดำเนินการตามกฎหมายกัมพูชา

วันนี้ ( 22 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า หน่วยงานความมั่นคงทางยุทธวิธี เลขาธิการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติกัมพูชา โดย พลเรือเอก เตีย โซ๊ะคา รองผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา ได้ประสานขอความร่วมมือมายัง พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ให้ช่วยตรวจสอบสกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมายกัมพูชา พร้อมเร่งผลักดันให้กลับสู่น่านน้ำกัมพูชา  

หลังเรือบรรทุกน้ำมันชื่อ STROVOLOS ที่ได้รับน้ำมันดิบจากแท่นขุดเจาะในประเทศกัมพูชา โดยไม่แจ้งดำเนินการตามขั้นตอนของประเทศ และไม่มีการแจ้งต่อกองทัพเรือ และรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของประเทศกัมพูชา

พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1
พลเรือโท โกวิท เผยว่าหลังได้รับการประสานงานจากทัพเรือกัมพูชา จึงรายงานต่อ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้รับทราบพร้อมรายงานผลการปฎิบัติที่ได้สั่งการให้ เรือตรวจการณ์ ต.264 เข้าตรวจสอบร่วมกับชุดปฎิบัติการพิเศษ ทัพเรือ ภาคที่ 1 เพื่อเฝ้าระวังจุดพบเรือทอดสมอ บริเวณอ่าวมาบตาพุด จ.ระยอง พิกัด แลตติจูด 12 องศา 34.44 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 101 องศา 14.4 ลิปดาตะวันออก

พร้อมประสานไปยัง ศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกในการเดินเรือ (VTMS) สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ในการติดตามตำบลที่เรือจอดตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับการปฎิบัติงานในครั้งนี้ กองทัพเรือ ได้บูรณาการร่วมกับ ตำรวจน้ำสัตหีบ สรรพสามิตระยอง สำนักงานศุลกากรมาบตาพุด สาธารณสุขระยอง เจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง และจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าเรือลำดังกล่าวจอดทิ้งสมอตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา



เพื่อเตรียมขนถ่ายสินค้าอันตราย ประเภท LSJO/LSMGO จำนวน 840/50 ตันกรอส และได้ขออนุญาตขนถ่ายระหว่างวันที่ 19-23 มิ.ย.นี้ แต่ไม่มียอดจำนวนสินค้าบนเรือที่แจ้งเข้า และพบว่าเรือลำนี้ได้เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2564 โดยไม่มีจำนวนสินค้าบนเรือ


ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ประเทศกัมพูชา ได้ขอความร่วมมือในการสกัดกั้นและผลักดันเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อให้กลับสู่น่านน้ำกัมพูชา เป็นผลสืบเนื่องมาจากทางการกัมพูชา มีข้อมูลว่าเรือลำนี้เมื่อรับน้ำมันดิบจากแท่นขุดเจาะแล้วจะต้องเดินเรือไปส่งสินค้ายังประเทศสิงคโปร์ โดยไม่ผ่านเข้าในประเทศไทย

แต่ในครั้งนี้การเดินเรือและนำเรือออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันไม่ได้แจ้งต่อกองทัพเรือกัมพูชา อีกทั้งยังได้เดินเรือมุ่งหน้าเข้ามายังน่านน้ำไทย ซึ่งผิดเส้นทางตามข้อตกลงในการบรรทุกน้ำมันดิบระหว่างประเทศกัมพูชา จึงต้องขอความร่วมมือจากกองทัพเรือไทย และผ่านสถานทูต เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

พลเรือเอก เตีย โซ๊ะคา รองผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา






กำลังโหลดความคิดเห็น