xs
xsm
sm
md
lg

กรมอุทยานฯ ลุยติดป้ายคำสั่งขับไล่-รื้อถอน หลังนายทุนรุกเขต อช.ลำคลองงูกว่า 592 ไร่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ ลุยติดป้ายคำสั่งขับไล่-รื้อถอน หลังนายทุนรุกเขต อช.ลำคลองงู กว่า 592 ไร่ แม้อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง เพราะขาดเจตนาก็ตาม

วันนี้ (17 มิ.ย.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วย นางคณิสรา เชฐบัณฑิตย์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานฯ นายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายศรัณย์วุฒิ พรสรายุทธ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.6 (พุเตย) นายบรรจง รสจันทร์ นายก อบต.ชะแล นายคารใจ บุญเสริมถาวรนิจ สารวัตรกำนันตำบลชะแล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู และเจ้าหน้าที่สนับสนุนการป้องกัน และปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) กว่า 20 นาย

ได้เดินทางไปติดป้ายประกาศคำสั่งอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 35 (1) (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 เพื่อขับไล่ทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ กลีบบัว และให้ทายาทโดยธรรม ของนายคงสิทธิ์ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติลำคลองงู จังหวัดกาญจนบุรี ภายใน 30 วัน ในพื้นที่บ้านคลิตี้ หมู่ 4 ต.ชะเเล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี และได้ตรวจยึดพื้นที่สวนยางพารา สวนไผ่ตง ไร่มันสำปะหลัง และทุ่งหญ้า เนื้อที่รวม 592-2-58 ไร่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ปราบปรามการครอบครองที่ดินที่ผิดกฎหมายของนายทุนอย่างเด็ดขาด และให้นำพื้นที่ที่ยึดคืนมาได้จากนายทุนมาฟื้นฟูป่าให้กลับคืนมามีสภาพป่าธรรมชาติดังเดิม


ทั้งนี้ นายนิพนธ์ เปิดเผยว่า มูลเหตุของการติดป้ายประกาศคำสั่งขับไล่ และรื้อถอนในครั้งนี้ เกิดจากเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ได้นำกำลังไปจับกุมนายคงสิทธิ์ กลีบบัว ดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกพื้นที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู แปลงดังกล่าว รวมทั้งได้ตรวจยึดพื้นที่สวนยางพารา สวนไผ่ตง ไร่มันสำปะหลัง และทุ่งหญ้า เนื้อที่รวม 592-2-58 ไร่

พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเรือนไม้ จำนวน 5 หลัง โรงเรือนเก็บยางพารา จำนวน 1 หลัง โรงจอดรถ จำนวน 1 หลัง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตาม ปวจ.ข้อ 13 คดีอาญาที่ 357/2559 ยึดทรัพย์ที่ 247/2559 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.2561 พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งที่ อส.0042 (ทองผาภูมิ)/939 ไม่ฟ้องคดี นายคงสิทธิ์ กลีบบัว ในคดีอาญาที่ 357/2559 เนื่องจากขาดเจตนากระทำผิด


แต่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เห็นว่าแม้พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรีมีคำสั่งไม่ฟ้องนายคงสิทธิ์ เนื่องจากขาดเจตนากระทำผิดก็ตาม แต่เมื่อนำไปเทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อส.31/2559 แล้ว ทำให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ยังมีอำนาจขับไล่ และสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใด ไปให้พ้นเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า  ต่อมา เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2563 นายคงสิทธิ์ กลีบบัว ได้เสียชีวิตลง ทำให้กองมรดกย่อมตกแก่ทายาท รวมทั้งสิทธิและหน้าที่ในความรับผิดต่างๆ ของผู้เสียชีวิต ตามมาตรา 1600 ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงูจึงอาศัยอำนาจมาตรา 35 (1) (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ประกาศคำสั่งขับไล่ ทายาทโดยธรรม ของนายคงสิทธิ์ กลีบบัว และให้ทายาทโดยธรรมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดไปให้พ้น จากอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันประกาศคำสั่งนี้


เมื่อครบกำหนดเวลาตามประกาศคำสั่งแล้วหากทายาทโดยธรรมยังดื้อแพ่งไม่ยินยอมออก และไม่ยอมรื้อถอน จะถูกดำเนินคดีฐาน ฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง จะต้องถูกระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องระวางโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะรื้อถอนเสร็จ

ถ้าไม่ยินยอมดำเนินการเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะเข้าไปดำเนินการรื้อถอนเอง โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนให้ทางราชการ เป็นเงินจำนวน 1,640,000 บาท และอาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (15) และอาจถูกยึดเงิน และทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้าเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ในการปลูกยางพาราในเขตอุทยานแห่งชาติอีกด้วย

ด้านนายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เปิดเผยว่า พื้นที่แปลงดังกล่าวมีแนวเขตติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก หลังจากดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งพืชผลอาสินแล้วเสร็จ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู รวมทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลชะแล และประชาชนบ้านคลิตี้ จะร่วมกันนำพื้นมาฟื้นฟูระบบนิเวศให้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่าทุกชนิด รวมทั้งร่วมกันส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ต่อไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงทรัพย์ฯ และกรมอุทยานฯ






กำลังโหลดความคิดเห็น