กาญจนบุรี - ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) นำหัวหน้าอุทยาน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานเขื่อนศรีฯ บุกเชิญตัวนายกเล็ก ทต.เขาโจด รับรับข้อหา แต่ไร้เงาติดต่อก็ไม่ได้ ก่อนโร่ขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีกรณีขุดลูกรังรุกที่อุทยานไปถมถนนโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดจริงเจอคุก 20 ปี ปรับ 2 ล้าน ด้าน ผอ.ป.ป.ช.กาญจน์ เผยต้องดูข้อหาก่อนรับเรื่องเอาไว้พิจารณา
วันนี้ (9 มิ.ย.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ว่าที่ ร.ต.สิทธิศักดิ์ ฉันสิมา ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปที่เทศบาลตำบลเขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เพื่อเชิญตัว ด.ต.สมรัก พรหมชนะ นายกเทศมนตรีตำบลเขาโจด ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ด่านแม่แฉลบ รับทราบข้อกล่าวหาในฐานะเป็นผู้ว่าจ้างให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด คนวังก่อสร้าง ผู้รับจ้างเข้าซ่อมแซม และปรับปรุงถนนลูกรัง ทางเข้าบ้านน้ำพุ-ไกรเกรียง หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ โดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ปรากฏว่า ด.ต.สมรัก พรหมชนะ ไม่ได้เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้น จึงเชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเทศบาลตำบลเขาโจด มาเซ็นรับเอกสารการแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อนำไปมอบให้ ด.ต.จงรัก ในภายหลัง หลังจากนั้น นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วยนายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานฯ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.อัม เกตุแก้ว สารวัตรสอบสวน สภ.ด่านแม่แฉลบ เพื่อร้องทุกกล่าวโทษ ด.ต.สมรัก พรหมชนะ นายกเทศบาลตำบลเขาโจด ใน 4 ฐานความผิด
ประกอบด้วย 1.ฐานกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี 2.ฐานยึดถือครอบครองทำประโยชน์ ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป้นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31
3.ฐานยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ไปจากเดิม ในเขตอุทยานแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19(1) ประกอบมาตรา 41 และ 4.ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (6)ประกอบมาตรา 44 โดยการดำเนินคดีได้มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.สิทธิศักดิ์ ฉันสิมา ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
ทั้งนี้ ทาง น.ส.สุนันทา จำปาเงิน ผู้อำนวยการสำนักงาน.ป.ป.ช.จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้น ป.ป.ช.ยังไม่ได้รับเรื่องเอาไว้พิจารณา เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.กลุ่มงานป้องกันลงมาดูพื้นที่ซึ่งเป็นการเฝ้าระวังว่ากรณีนี้ในพื้นที่จะมีการทุจริตหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันจะลงมาดูเกี่ยวกับการก่อสร้าง และงานจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งบังเอิญวันนั้นลงพื้นที่แล้วมาเจอการทำถนนหรือทำอะไรเข้าไปในเขตอุทยานฯ เท่าที่ได้รับฟังจากเจ้าหน้าที่ทราบว่า มีการขุดดินลูกรังมาจากเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์เพื่อมาทำถนน จึงมีการแจ้งเรื่องไปทางกรมอุทยานฯ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงว่าการดำเนินการดังกล่าวได้มีการขออนุญาตจากกรมอุทยานฯ หรือไม่
จากการสอบถามตัวของท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเขาโจด เป็นคนเข้าไปดำเนินการ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น ถ้ากรณีนี้มันเป็นการกระทำผิดต่อหน้าที่จึงจะมาสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช. แต่ในเบื้องต้นเท่าที่ทราบกรณีนี้มันน่าจะเป็นเรื่องกรณีการบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่ของอุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถ้าเป็นความผิดฐานบุกรุก แน่นอนว่าคงเป็นความผิดส่วนตัว ไม่ใช่ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่กรณีนี้จะเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ก็ตรงที่ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของนายกที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต้องมารอดูว่าทางกรมอุทยานฯ จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิดอะไรบ้าง
ถ้าแจ้งความในความผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการ ทางพนักงานสอบสวนจะส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ เมื่อทางพนักงานสอบสวนส่งมาให้ ป.ป.ช.จึงจะถือว่า ป.ป.ช.ได้รับเรื่องเอาไว้แล้ว จึงถือว่าตอนนี้ทาง ป.ป.ช.ยังไม่ได้รับเรื่องเอาไว้ เจ้าหน้าที่อุทยานเขื่อนศรีนครินทร์เพิ่งเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษ
ด้านนายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผย ว่านายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. รวมทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มนายทุน และผู้มีอิทธิพลที่เป็นผู้บุกรุก หรือทำลายป่าอย่างเด็ดขาด สำหรับสาเหตุการเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ด.ต.จงรัก พรหมชนะ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเขาโจด ในครั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา ทาง ป.ป.ช.ภาค 7 รวมทั้ง ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้เข้าไปตรวจสอบโครงการซ่อมแซมและปรับปรุงถนนลูกรัง ทางเข้าบ้านน้ำพุ-ไกรเกียง หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 ตำบลเขาโจด ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ โดยบริเวณที่ขุดดินลูกรังอยู่ติดกับโครงการซ่อมแซม และปรับปรุงถนนลูกรังตามโครงการข้างต้น
โดยเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเขาโจด ได้แจ้งว่า โครงการซ่อมแซมและปรับปรุงถนนลูกรังดังกล่าวมีทั้งหมด 3 โครงการ ตามสัญญาเลขที่ 11/2564 สัญญาเลขที่ 12/2564 สัญญาเลขที่ 15/2564 งบประมาณรวมกัน จำนวน 1,454,900 บาท มี ด.ต.สมรัก นายกเทศมนตรีตำบลเขาโจด เป็นผู้ว่าจ้าง โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินการซ่อมแซม และปรับปรุงถนนลูกรังแล้ว ตามหนังสืออุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ที่ ทส.0910.20/3117 ลงวันที่ 22 ต.ค.2555 ที่มีนายวิโรจน์ โรจนจินดา อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นผู้อนุญาต โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการเอาไว้ ทำให้เทศบาลตำบลเขาโจด เข้าใจว่าสามารถดำเนินการซ่อมแซม และปรับปรุงถนนลูกรังในเส้นทางนี้ได้ตลอด โดยไม่ต้องไปขออนุญาตใหม่
ดังนั้น สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จึงได้ทำเรื่องไปหารือกับเจ้าหน้าที่กองนิติการ กรมอุทยานฯ ต่อมา กรมอุทยานฯได้มีหนังสือด่วนมาก ที่ ทส.0903.2/9579 ลงวันที่ 14 พ.ค.2564 แจ้งว่า "การอนุญาตโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนลูกรัง ที่เป็นอำนาจของหัวหน้าอุทยานแห่งชาตินั้น ในการอนุญาตดำเนินโครงการใดย่อมเป็นการอนุญาตเฉพาะตามโครงการนั้นๆ หากมีความประสงค์จะอนุญาตปรับปรุงซ่อมแซมในครั้งต่อไปต้องจัดทำโครงการขออนุญาตอีกครั้งเป็นคราวๆ ไป ไม่สามารถอ้างการอนุญาตในครั้งแรกดำเนินการตลอดเวลาได้
จากข้อหารือตามหนังสือกรมอุทยานฯ ด่วนมากดังกล่าว ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 64 ที่บัญญัติไว้ว่า "บุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้" เจ้าหน้าที่จึงเห็นว่า โครงการซ่อมแซม และปรับปรุงถนนลูกรังดังกล่าวทั้ง 3 โครงการ ที่ดำเนินการในปี พ.ศ.2564 ไม่สามารถนำหนังสืออนุญาตในปี พ.ศ.2555 มาอ้างเพื่อให้พ้นจากความรับผิดทางอาญาไม่ได้
ด.ต.สมรัก นายกเทศมนตรีตำบลเขาโจด ในฐานะเป็นผู้ว่าจ้างนั้นจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 มาตรา 19 (1) ฐานกระทำการใดๆ โดยการเป็นผู้ว่าจ้าง ให้ผู้รับจ้าง ซ่อมแซม และปรับปรุงถนนลูกรังในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุก 4 ปี ถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 4 แสน ถึง 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์ไปถึงนายก อบจ. นายกเทศมนตรี นายก อบต. กำนัน และผู้ใหญ่บ้านที่มีโครงการจะทำการซ่อมแซม และปรับปรุงถนนลูกรังในหมู่บ้าน ในตำบลที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ในจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ขอให้ทำหนังสือขออนุญาตกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ที่รับผิดชอบในเขตท้องที่นั้นทุกครั้งที่มีโครงการ
ซึ่งการอนุญาตโครงการจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 วัน เป็นการอำนวยความสะดวกให้ส่วนราชการท้องถิ่น ในการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องทางสัญจรเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรฯ และกรมอุทยานฯ