กาญจนบุรี - ป่าไม้กาญจน์รวบชายวัย 67 ปี ชาว ต.ลุ่มสุ่ม ขณะแบกไม้แปรรูปออกมา จากป่า นำตรวจค้นบ้านพบไม้อีกเพียบ มูลค่ากว่า 2 แสนบาท สารภาพตัดไม้แปรรูปสะสมเอาไว้สร้างบ้าน
วันนี้ (31 พ.ค.) นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ไทรโยค เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 (ท่าเสา) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.19 (บ้องตี้) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหมวดป้องกันชายแดนที่ 1 ฉก.ลาดหญ้า (บ้านบ้องตี้) กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ภ.7
เข้าทำการจับกุมตัวนายมณเฑียร สายไหม อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/4 หมู่ 5 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้บริเวณป่าบ้านสามัคคีธรรม หมู่ 5 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค บริเวณพิกัด 47 P 0504109 E 1560031 N พร้อมด้วยของกลาง 3 รายการ ประกอบด้วย ไม้สักแปรรูป/ท่อนหวงห้าม จำนวน 4 ท่อน 59 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 2.70 ลบ.ม. คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 920 บาท คิดเป็นเงินที่รัฐเสียหาย จำนวน 276,000 เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 2 เครื่อง โต๊ะแท่นเลื่อยวงเดือน 1 ตัว
จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีในข้อหา กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 11, 48, 69, 73 ข้อหา ทำไม้ ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครอง จำนวนเกิน 0.20 ลบ.ม. ข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรูปรอยดวงตราค่าภาคหลวงรอยตรารัฐบาลขาย และพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
ข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ข้อหาทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และข้อหากระทำผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ พุทธศักราช 2545 มาตรา 4 ฐาน ห้ามมิให้ผู้ใดครอบครองหรือนำเข้าเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเชิงคุณภาพเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ขณะตรวจมาถึงบริเวณป่าบ้านสามัคคีธรรมซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ท้องที่หมู่ 5 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค พบเส้นทางลำลองเข้าไปในป่าจึงได้เดินเข้าไปตรวจสอบห่างจากถนนเส้นสามัคคีธรรม-บ้องตี้ ไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 50 เมตร พบผู้ต้องหากำลังแบกไม้แปรรูปออกมาจากป่า เจ้าหน้าที่แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบและจับกุมตัว
โดยนายมณเฑียร ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ตนได้เข้ามาตัดต้นไม้และแปรรูปไม้ในบริเวณนี้เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน โดยทำการตัดต้นไม้และแปรรูปไม้ไปเรื่อยๆ สะสมไม้ไว้เพื่อปลูกบ้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ผู้ต้องหานำพาไปยังจุดที่ทำการตัดโค่นต้นไม้ เมื่อไปถึงพบต้นไม้เป็นชนิดไม้สักถูกตัดโค่นล้มคาตอ จำนวน 13 ต้น ลักษณะเตรียมที่จะทำการแปรรูป โดยรอบตอไม้พบร่องรอยการแปรรูปไม้มีทั้งขี้เลื่อย เศษไม้ที่เหลือจากการแปรรูปกระจายอยู่เต็มพื้นที่
โดยนายมณเฑียร แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม้สักที่ตรวจพบทั้งหมดตนเป็นผู้ทำการตัดโค่นและทำการแปรรูปด้วยตนเองด้วยการนำเอาเครื่องปั่นไฟมาทำเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อใช้กับเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ดัดแปลงเป็นหินเจีย และได้นำไม้ที่ทำการแปรรูปแล้วไปเก็บไว้ที่ใต้ถุนบ้าน ที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายมณเฑียร ไปตรวจค้นที่บ้านพัก พบแท่นเครื่องเสื่อยวงเดือนพร้อมใบเลื่อยวงเดือนติดอยู่กับแท่น มีไดนาโมไฟฟ้าเป็นตัวจุดให้ใบเลื่อยวงเดือนทำงาน โดยมีหลังคาต่อออกมาจากตัวบ้านเป็นที่ทำการแปรรูปไม้ และพบไม้สักแปรรูป วางอยู่ข้างแท่นเครื่องเลื่อยและภายในใต้ถุนบ้าน จำนวน 2 กอง และนายมณเฑียร ได้เข้าไปภายในบ้านพร้อมกับนำเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 2 เครื่อง เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 1 เครื่อง มามอบให้เจ้าหน้าที่ เมื่อตรวจสอบบริเวณหน้าตัดของไม้ทุกแผ่นทุกท่อนไม่พบรูปรอยดวงตราใดๆ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตีประทับเอาไว้แต่อย่างใด จึงเป็นอันแสดงได้ว่าได้ไม้นั้นมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการกระทำผิดตามข้อข้างต้น