กาญจนบุรี - ผกก.ตร.ปทส.นำตรวจสอบโรงงานไม้แปรรูปสร้างบ้านน็อกดาวน์ พบเป็นโรงงานไม้เถื่อน ไม่ได้รับอนุญาตจาก ทสจ.กาญจน์ เตรียมดำเนินคดีเจ้าของ
วันนี้ (7 มิ.ย.) พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผู้กำกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผกก.5 บก.ปทส.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.ปริญญา เอี่ยมกมล รอง ผกก.5 ปทส. พ.ต.ท.ประดิษ ชาวพงษ์ พ.ต.ท.คำนวณ จันทร์อนันต์ รอง ผกก.5 บก.ปทส. ร่วมกับนายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 (ท่าเสา) ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง)
นำกำลังเข้าร่วมกันตรวจสอบโรงงานแปรรูปไม้ ชื่อร้านทวีทรัพย์ค้าไม้ ตั้งอยู่ริมถนนสายเลี่ยงเมือง (บายพาส) หมู่ 1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ก่อนเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องตรวจวัดอาการไข้ พร้อมล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
จากการตรวจสอบภายในโรงงานแปรรูปไม้ เบื้องต้น พบเครื่องจักรที่ใช้แปรรูปไม้ รวมทั้ง ไม้ท่อน และไม้แปรรูปอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และจากการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.) กาญจนบุรี พบว่า สถานที่ดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้แต่อย่างใด
จึงถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2444 มาตรา 44, 73 ฐาน "ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่" สำหรับผู้กระทำผิดอยู่ระหว่างการสอบสวน หลังจากนั้นจะคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนข้อมูลรายละเอียดจะรายงานให้ทราบต่อไป
โดย พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส.เปิดเผยในเบื้องต้นว่า ที่มาที่ของการเข้ามาตรวจสอบในครั้งนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ปทส.ที่เข้ามาตรวจเป็นวงรอบตามปกติ ซึ่งวันนี้ได้เข้ามาตรวนสอบโรงไม้ทวีทรัพย์ค้าไม้
จากการตรวจสอบโรงไม้ดังกล่าวพบว่า ครั้งแรกโรงไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ปากแพรก แต่มาในวันนี้พบว่าย้ายมาอยู่ท้องที่ ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี การเข้ามาตรวจครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมตรวจสอบด้วย ปรากฏว่า โรงงานแห่งนี้ไม่ได้รับอนุญาตจาก ทสจ.กาญจนบุรี ให้ตั้งโรงงาน จึงมีความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนกรณีการพบเครื่องจักรที่ใช้สำหรับแปรรูปไม้ จำนวน 15 เครื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้ามาตรวจสอบในครั้งแรกปรากฏว่าเครื่องจักรไม่ได้ทำงานและคนงานไม่ได้อยู่ประจำกับเครื่องจักร แต่โดยรอบเครื่องจักรมีร่องรอยของขี้เลื่อยจากการแปรรูปไม้กองอยู่ จึงต้องยึดเครื่องจักรเอาไว้เป็นของกลาง ขณะที่ไม้รวมทั้งโรงงานถือว่าเป็นโรงงานเถื่อน ส่วนบ้านน็อกดาวน์ที่ทำจากไม้ที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมถนน ต้องตรวจยึดทั้งหมดเช่นกัน สำหรับเจ้าของผู้ประกอบการกำลังให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้อยู่ ตนยังไม่ได้พูดคุยด้วยจึงยังไม่ทราบว่าเป็นใคร