เชียงใหม่ - ผู้บริหาร รพ.นครพิงค์ ออกโรงชี้แจงกรณีหนุ่มเครียดได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแต่ใบรับรองระบุว่าเข็มแรก “ซิโนแวค” เข็มสอง “แอสตร้าฯ” ชี้เกิดจากความผิดพลาดของ จนท.ในการบันทึกข้อมูล ยืนยันเป็นการฉีด “ซิโนแวค” ทั้งสองเข็ม ยอมรับเกิดกรณีเดียวกันนี้นับสิบราย พร้อมเสียใจและขออภัย
ความคืบหน้ากรณีนายอดุลย์ ดวงสร้อย อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ครบ 2 เข็ม แต่ปรากฏว่าในเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนระบุว่าได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันที่ 21 พ.ค. 64 เป็นยี่ห้อซิโนแวค ส่วนเข็มที่สองเป็นยี่ห้อแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้เกิดความวิตกกังวลใจอย่างหนักนั้น วันนี้ (16 มิ.ย. 64) ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ นายอดุลย์เดินทางเข้าพบแพทย์หญิง ลดาวรรณ หาญไพโรจน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครพิงค์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและรับฟังคำชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ แพทย์หญิง ลดาวรรณเปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้จากการตรวจสอบพบว่าเป็นความคลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ในการลงข้อมูลวัคซีนที่ทำการฉีด เนื่องจากโปรแกรมที่ใช้ในการบันทึกจะทำการเชื่อมโยงข้อมูลด้วยหมายเลขล็อตของวัคซีน ซึ่งเมื่อมีการลงข้อมูลผิดพลาดจึงทำให้ข้อมูลที่ขึ้นในเอกสารที่จัดพิมพ์กลายเป็นอีกยี่ห้อหนึ่ง แต่นอกจากการลงข้อมูลหมายเลขล็อตแล้ว ยังต้องทำการยิงบาร์โค้ดซีเรียลนัมเบอร์ของวัคซีนที่ฉีดด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดยืนยันว่านายอดุลย์ได้รับการฉีดวัคซีนในเข็มที่สองเป็นยี่ห้อซิโนแวคอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน แพทย์หญิง ลดาวรรณบอกว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีความคลาดเคลื่อนลักษณะเดียวกันนี้ทั้งหมดประมาณ 10 ราย ซึ่งทางโรงพยาบาลนครพิงค์เสียใจและขออภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น โดยจากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ขณะนี้ทางโรงพยาบาลได้มีการแก้ไขปัญหาระบบการลงข้อมูลแล้ว เปลี่ยนเป็นการลงข้อมูลด้วยการยิงบาร์โค้ดทั้งหมดเพื่อความถูกต้องแม่นยำ อีกทั้งมีการแยกห้องฉีดวัคซีนแต่ละยี่ห้อเป็นสัดส่วน พร้อมกันนี้ระบุว่า หากเกิดกรณีที่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นคนละยี่ห้อกัน มีข้อมูลจากการวิจัยที่เริ่มทำกันชี้ว่าสามารถเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้ดีและมีความปลอดภัย จึงไม่มีความจำเป็นต้องฉีดใหม่ และจากนี้จะมีการตรวจภูมิต้านทานให้ ดังนั้นอยากขอให้สบายใจได้
ด้านนายอดุลย์เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการได้รับการชี้แจงจากทางผู้บริหารโรงพยาบาลนครพิงค์แล้วเบาใจลงไปได้ระดับหนึ่ง แต่ยอมรับว่ายังมีความรู้สึกกังวลใจอยู่อีกพอสมควร เนื่องจากยังไม่มั่นใจว่าวัคซีนที่ได้รับการฉีดเป็นยี่ห้อใดกันแน่ เพราะแม้จะมีการชี้แจงยืนยัน แต่ข้อมูลในเอกสารระบุชัดเจนว่าตัวเองได้รับวัคซีนสองเข็มเป็นคนละยี่ห้อกัน ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้อยากให้ทางโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่เพิ่มความรัดกุมรอบคอบในการดำเนินการมากกว่านี้ เพราะเรื่องเกี่ยวกับโควิด-19 เป็นสิ่งที่ผู้คนกังวลใจอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวกับชีวิตและความเป็นความตาย