ศูนย์ข่าวศรีราชา - เทศบาลนครแหลมฉบัง ประกาศความพร้อมดูแลสุขภาพประชาชน ทุ่ม 120 ล้านบาท จัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มหลังรัฐบาลปลดล็อก เผยสั่งจองแล้ว 30,000 โดส หากได้ตามเป้าระดมฉีดเข็มแรกให้ประชาชนทันที ก่อนสั่งซื้อเข็ม 2
ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศปลดล็อกให้ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้งบประมาณในการสั่งซื้อวัคซีนจากหน่วยงานรัฐที่สามารถนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ ทั้งองค์การเภสัชกรรม และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนนั้น
ล่าสุด นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงความพร้อมในการจัดซื้อวัคซีนฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ที่ขณะนี้มีจำนวนประชากรที่อยู่ในทะเบียนราษฎร และประชากรแฝงไม่น้อยกว่า 300,000 คน ว่า เทศบาลนครแหลมฉบัง ได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อวัคซีนให้ประชาชนเป็นที่เรียบร้อย
และได้สั่งซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไปแล้ว จำนวน 30,000 โดส ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอว่าจะได้รับวัคซีนเข้าสู่พื้นที่จำนวนเท่าใด เนื่องจากขณะนี้มีทั้งหน่วยงานเอกชน องค์กรต่างๆ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีคำสั่งซื้อวัคซีนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เข้าไปเป็นจำนวนมาก
“ขีดความสามารถสูงสุดในการจัดซื้อวัคซีนของเทศบาลนครแหลมฉบัง อยู่ที่ประมาณ 50,000 โดส ภายใต้งบประมาณ 120 ล้าน ซึ่งเบื้องต้นเราได้สั่งซื้อไปแล้ว จำนวน 30,000 โดส แต่ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายจะได้เท่าไหร่ และวัคซีนจะมาเร็วหรือไม่ เพียงแต่ตอนนี้เราวางแผนว่าหากวัคซีนมาจะระดมฉีดให้ประชาชนในเข็มแรกทันที จากนั้นจึงจะสั่งซื้อในเข็มที่ 2”
นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง ยังบอกอีกว่า ในส่วนของประชาชนที่ลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนกับแอปหมอพร้อม ที่ขณะนี้เริ่มทยอยฉีดตามสถานที่ต่างๆ ที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้วนั้น ขณะนี้เทศบาลยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีจำนวนเท่าใด
แต่ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งหาข้อมูลเพื่อจะได้รู้ยอดที่ชัดเจนในการสั่งซื้อวัคซีนสำหรับฉีดให้ประชาชนที่ตกหล่น
โดยนโยบายของเทศบาลนครแหลมฉบัง คือการให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพประชาชน รวมทั้งการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากแหลมฉบัง เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีทั้งท่าเรือน้ำลึก และอุตสาหกรรม นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาของเยาวชนโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตดังกล่าว ทั้งเรื่องการตกงาน และกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ค้าขาย และผู้ประกอบการด้านที่พักที่มีรายได้น้อยลงจากการปรับลดจำนวนคนงานในโรงงานนิคมอุตสาหกรรม และการหยุดประกอบกิจการจนทำให้มีแรงงานส่วนหนึ่งทยอยกลับภูมิลำเนานั้น
เทศบาลได้เร่งส่งเสริมรายได้ให้ประชาชนด้วยการฝึกอบรมอาชีพ และหาแหล่งค้าขาย รวมทั้งพัฒนาตลาดประชารัฐ ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดบริการได้และต้องรอให้สถานการณ์ดีขึ้นจึงต้องเร่งฟื้นฟูร่วมกับภาครัฐอีกครั้ง
“ในแง่เศรษฐกิจนั้นต้องยอมรับว่า แหลมฉบัง ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยมาก เพราะแหลมฉบังมีรายได้จากภาคธุรกิจขนส่งและอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิค-19 ระลอก 3 ได้รับรายงานว่ามีโรงงานปิดตัวแค่เพียง 1 โรงเท่านั้น”
นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง ยังเผยอีกว่าจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการภาคขนส่งในพื้นที่ทราบว่า ขณะนี้ยังมีสินค้าเข้าออกอยู่ตลอดเวลา แต่อาจจะมีหยุดชะงักบ้างในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ต่างประเทศส่งสินค้าเข้ามาไม่ได้และเมื่อมีสินค้าเข้ามาก็ระดมขนถ่ายจนเกิดปัญหารถติด
“แต่เท่าที่สังเกตดูภาคการขนส่งของแหลมฉบัง แทบจะไม่มีวันหยุดนิ่งเหมือนภาคการท่องเที่ยว ที่หากไม่มีนักท่องเที่ยวต้องหยุดชะงักในทันที” นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง กล่าว