xs
xsm
sm
md
lg

ตรึม! คนแห่ขึ้นเขารักไทย ชม/ชิม/ซื้อ “ทุเรียนหลิน-หลงรักไทย” ใกล้เกลี้ยงสวน แต่ยังมี “หมอนทอง” สุกได้ที่ขายต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก - นักท่องเที่ยวแห่ชม-ชิม-ซื้อ “ทุเรียนหลง-หลินลับแล เขารักไทย” ถึงหน้าสวนไม่ขาดสายจนใกล้เกลี้ยงสวน แต่ยังมีทุเรียน ”หมอนทอง” ที่กำลังสุกได้ที่พร้อมเก็บขายต่ออีก 2 เดือน


วันนี้ (8 มิ.ย. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนบ้านรักไทย ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก คึกคักเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางไปชม-ชิม-ซื้อทุเรียน ซึ่งชาวสวนบ้านรักไทยนำมาวางขายกันกว่า 70 ราย ซึ่งมีทั้งทุเรียนสายพันธุ์หลง-หลินลับแลจากเขารักไทยที่ออกผลอย่างต่อเนื่องห้วง 1 เดือนที่ผ่านมา ส่วนพันธุ์หมอนทองกำลังทยอยแก่ได้ที่ ยกเว้นสายพันธุ์ ”มูซันคิง” ยังไม่พบเห็นตามแผงร้านค้า

นายศรณ์ กันตรัตนากุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮ-ฮิลส์ เอ็นเตอร์ไพรส์ เปิดเผยว่า มูซันคิงเป็นทุเรียนพื้นบ้านของมาเลเชีย คล้ายๆ ทุเรียนป่า เหมือนหลงลับแล จ.อุตรดิตถ์ เพียงแต่ทุเรียนมูซันคิงผ่านการประกวดชนะเลิศในประเทศมาเลเชีย พร้อมกับถูกโปรโมตทำตลาดจีนอย่างครึกโครม จึงเป็นที่รู้จักและแพร่หลาย

ลักษณะเด่นคือ เนื้อนิ่ม แต่กว่าจะได้กินมูซันคิงจะต้องรอให้ผลทุเรียนสุกและร่วงจากต้น รวมทั้งราคาขายหน้าสวนสูงถึงกิโลกรัมละ 600 บาท ซึ่งสวนทุเรียนไฮ-ฮิลล์ ฟาร์ม ที่บ้านรักไทย ต.ชมพู อ.เนินมะปราง ก็ปลูกทุเรียนมูซันคิงไว้ประมาณ 1,200 ต้น คาดว่าอีก 2 ปีกว่าผลผลิตจะออก

สำหรับสวนอื่นเกือบ 70 แห่งปลูกกันน้อยมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ปลูกสายพันธุ์หมอนทองมากกว่า ดูแลบำรุงต้นง่ายกว่า มูซันคิง, หลง-หลิน ประสบกับปัญหาเชื้อราลงราก, คุณภาพน้ำ ฯลฯ แต่หากชาวสวนทั่วไปจะปลูกหลง-หลินลับแลจริงๆ ก็สามารถติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้จากตนได้ เนื่องจาก “ไฮ-ฮิลส์ ฟาร์ม” เป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกทุเรียนผ่านมาตรฐาน GAP Certified


นายศรณ์ย้ำอีกว่า ไฮ-ฮิลส์ ฟาร์มเน้นปลูกทุเรียนและผลไม้ทุกชนิด พร้อมขายหน้าสวนในพื้นที่ดีกว่าไปทำตลาดลักษณะส่งขายยังต่างประเทศ เนื่องจากไม่มีความถนัด จึงปล่อยให้บริษัทฯ ที่กรุงเทพฯ รับทุเรียนจากไฮ-ฮิลส์ไปดำเนินการแทน

โดยเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ”ไฮ-ฮิลส์” ส่ง “หลงลับแล” ไปทางขนส่งบริษัทไปรษณีย์ไทย ไปยังไอคอนสยาม และตลาด อ.ต.ก.กรุงเทพมหานคร ในเกรด A กิโลกรัมละ 300 บาท เกรด B กิโลกรัมละ 250 บาท ปริมาณเฉลี่ย 4-5 ตันต่อสัปดาห์ต่อเนื่อง และคาดว่าอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ “หลงลับแล” ก็น่าจะหมดสวนแล้ว เหลือเพียงทุเรียนสายพันธุ์หมอนทองกำลังสุก ซึ่งก็จะเปิดสวนทุเรียนรับนักท่องเที่ยวเข้าชม-ชิมในระยะอีก 1-2 เดือนเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านรักไทย ต.ชมพู อ.เนินมะปราง ได้ปรับเปลี่ยนจากการทำไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด ฯลฯ มาทำสวนมะม่วง ลำไย มะเฟือง มะยงชิด และสวนยางพารา รวมถึงสวนทุเรียนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีรายใหญ่ๆ 2 แห่ง คือ สวน “ไฮ-ฮิลล์ ฟาร์ม” เนื้อที่มากกว่า 200 ไร่ แบ่งเป็นปลูกทุเรียนหลง-หลินกว่า 80 ไร่ หรือ 1,800 ต้น หมอนทอง 3,000 กว่าต้น และมะยงชิดกว่า 2,000 ต้น อีกรายคือสวนทุเรียนของ ”หลง-รักไทย” ซึ่งปลูกทุเรียน “หลงลับแล” สายพันธุ์จากอุตรดิตถ์ แต่ตั้งชื่อเป็น ”หลง-รักไทย”


ส่วนที่เหลืออีกเกือบ 70 แห่งเป็นสวนทุเรียนแปลงเล็ก ซึ่งปลูกทุเรียนสายพันธุ์หมอนทองเป็นส่วนใหญ่ กำลังทยอยให้ผลผลิตและนำออกขายแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งขับรถเก๋งและรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จากพิษณุโลก-จังหวัดใกล้เคียงขึ้นเที่ยวมาบ้านรักไทยต่อเนื่อง กระทั่งทุเรียนสายพันธุ์ “หลง-หลินลับแล เขารักไทย” ลูกทรงกระบอก พูเรียวยาว เนื้อเยอะ เม็ดลีบ เปลือกบาง จาก 2 สวนขนาดใหญ่ดังกล่าวใกล้หมด แต่อย่างไรก็ตาม บนเขาบ้านรักไทยยังมีทุเรียนพันธุ์ ”หมอนทอง” ที่กำลังใกล้สุกได้ที่ออกมาแทน ”หลง-หลิน” ตลอดช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น