xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายอนุรักษ์ฯ บุกศาลากลางพิษณุโลก แกนนำค้านโรงโม่หินถูกสังหาร คดีหมดอายุความ 20 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมภู บุกศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก หลังคดี "พิทักษ์ โตนวุธ" แกนนำค้านโรงโม่หินที่ อ.เนินมะปราง ถูกสังหารหมดอายุความ 20 ปี ถามทำไมจับกุมตัวคนร้ายไม่ได้


รายงานพิเศษ


“ที่พวกเรามากันในวันนี้ เราต้องการให้ผู้ที่รับผิดชอบในคดีนี้ ออกมาชี้แจงแถลงข่าวให้สังคมได้รับรู้ร่วมกันว่า ทำไม? จับกุมตัวคนร้ายไม่ได้ แล้วจะปิดคดียังไง? และใครจะรับผิดชอบ”

นี่เป็นวรรคหนึ่งในแถลงการณ์ของเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมภู ที่ส่งตัวแทนมาที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกในวันนี้ (17 พ.ค. 2564) ซึ่งเป็นวันที่คดีการสังหาร “พิทักษ์ โตนวุธ” แกนนำคัดค้านโรงโม่หินที่บ้านชมพู ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก จะหมดอายุความ แต่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา กระบวนการยุติธรรมยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ ไม่ว่าจะเป็นมือปืน หรือผู้บงการ


ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมภู จะเคลื่อนขบวนมาติดตามความคืบหน้าของคดี แต่เมื่อคดีหมดอายุความ จึงเปลี่ยนมาเป็นการทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อการตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย โดยมีเนื้อหาว่า

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมภูได้ติดตามผลการดำเนินงานการสืบสวนสอบสวน หาตัวผู้กระทำความผิด และผู้บงการอยู่เบื้องหลังมาดำเนินการตามกฏหมายอย่างต่อเนื่องของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี แต่ว่า 20 ปีผ่านไปแล้ว กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในรูปคดีที่จะนำไปสู่เบาะแสการจับกุมคนร้ายได้ ดูเหมือนไม่ให้ความสำคัญในคดีนี้ ไม่มีความจริงจังจริงใจในการทำงาน ถูกปิดหูปิดตาหรือเปล่า”

พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง 2 ข้อ โดยมีนายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ปลัดจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้รับเรื่อง คือ 1. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปศึกษาข้อกฏหมาย เพื่อหาแนวทางในการรื้อฟื้นคดีกลับขึ้นมาใหม่โดยเร่งด่วน 2. ขอทราบผลการดำเนินการเพิกถอนประกาศแหล่งหินจากอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก


20 ปีที่แล้ว วันที่ 17 พ.ค. 2544 นายพิทักษ์ โตนวุธ ถูกยิงเสียชีวิตกลางถนนทางเข้าหมู่บ้าน ระหว่างกำลังเดินทางกลับจากการไปค้นหาหลักฐานสำคัญที่ระบุว่า โรงโม่หิน ตั้งอยู่บนที่ดินที่ได้รับเอกสารสิทธิมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อเตรียมยืนเรื่องเสนอให้โรงโม่ต้องเพิกถอนเครื่องจักรทั้งหมดออกจากพื้นที่ เพิ่มเติมจากที่สามารถต่อสู้จนโรงโม่หินปิดกิจการไปแล้ว

ในคดีสังหารนายพิทักษ์ โตนวุธ ใช้ตำรวจท้องที่ในการทำคดี คือ สภ.เนินมะปราง และตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก แม้ว่าชาวบ้านเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมภู จะร้องขอหลายครั้งให้ส่งพนักงานสอบสวนจากส่วนกลางลงมาทำคดีแทน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ

สุดท้าย ตำรวจจับกุมคนร้าย 3 คน ถูกกันไว้เป็นพยาน 1 คน อีก 2 คน รับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวนว่า เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ให้มือปืน และเป็นผู้จัดหามือปืน แต่ไม่สามารถจับตัวมือปืนได้ แม้จะรู้ว่าเป็นใครก็ตาม


เมื่อมาถึงในชั้นศาล จำเลยทั้ง 2 คน กลับคำให้การ โดยอ้างว่า ที่รับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวน เป็นเพราะถูกเจ้าหน้าที่ “ซ้อม” เพื่อบังคับให้สารภาพ พร้อมยื่นหลักฐานใบรับรองแพทย์ต่อศาล และเมื่อในสำนวนการสืบสวนสอบสวนไม่มีพยานหลักฐานอื่น นอกจากคำรับสารภาพของจำเลย ศาลจึงพิพากษา “ยกฟ้อง” ในปี 2547 โดยที่พนักงานอัยการ ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี เพราะไม่มีพยานหลักฐานใหม่

แม้จะมีความพยายามจากเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมภู ไปทวงถามติดตามความคืบหน้าของคดีมาอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่ตลอด 16-17 ปีหลังศาลพิพากษายกฟ้อง ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ อีกเลย จนมาถึงวันนี้ คดี “หมดอายุความ” ทางเครือข่ายฯ จึงหันมาตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมแทน




นายพิทักษ์ โตนวุธ เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ และเป็นอดีตประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้ามาสนใจปัญหาโรงโม่หิน ที่บ้านชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เมื่อได้นำเพื่อนๆ ในชมรมฯ ไปลงพื้นที่ศึกษา และพบความเดือดร้อนที่ชาวบ้านได้รับจากโรงโม่หิน จนแหล่งน้ำไม่สามารถใช้การได้ พื้นที่ทั้งหมู่บ้านถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันมลพิษ ยากต่อการดำรงชีวิต

เมื่อพ้นจากวาระการดำรงตำแหน่งประธานชมรมอนุรักษ์ฯ ม.รามฯ นายพิทักษ์ จึงอาสาเข้ามาช่วยเหลืองานที่บ้านชมพู โดยเฉพาะการนำความรู้ด้านกฎหมายมาต่อสู้กับโรงโม่ จนกลายเป็นที่ปรึกษาเครือข่ายฯ อย่างเต็มตัว และสามารถทำให้โรงโม่หินต้องปิดกิจการลงไปได้ แต่นายพิทักษ์ ยังคงเดินหน้าหาหลักฐานเพิ่ม เพื่อทำให้โรงโม่ต้องถอนเครื่องจักรและสิ่งปลูกสร้างออกไปทั้งหมด จนกระทั่งมาถูกยิงเสียชีวิต

ในวันที่ พิทักษ์ โตนวุธ เสียชีวิต เขาอยู่ระหว่างรอรับปริญญาบัตร และเพิ่งมีลูกสาวที่อายุได้เพียง 28 วัน

กำลังโหลดความคิดเห็น