กาฬสินธุ์ - พ่อสุดเศร้า! ลูกสาวหายตัวปริศนาที่มาเลเซีย โร่แจ้งความตำรวจสภ.โนนสูง หลังลักลอบเข้าไปทำงาน ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม ระบุถูกปล่อยตัวมาแล้วกว่า 1 เดือนแต่ไม่สามารถติดต่อได้ วอนกระทรวงการต่างประเทศช่วย หวั่นตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์
วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ สภ.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายวิรัตน์ พงษ์ศิริ อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแก ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางวงศ์เดือน พงษ์ศิริ อายุ 45 ปี ภรรยา เข้าแจ้งความ สภ.โนนสูงว่า ลูกสาว คือ นางสาวสุวนันท์ พงษ์ศิริ อายุ 27 ปี ซึ่งเดินทางไปทำงานประเทศมาเลเซียเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ทราบว่าถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมตัว ฐานลักลอบเข้าเมือง ล่าสุดทราบว่าถูกปล่อยตัวมาแล้ว 1 เดือน แต่ปัจจุบันหายตัวปริศนาติดต่อไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความคนหายและขอความช่วยเหลือให้ตำรวจติดตามหาเบาะแส โดยมี พ.ต.ท.ถวิล กุลนาฝาย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.โนนสูง รับเรื่องและให้คำปรึกษา
นายวิรัตน์ พงษ์ศิริ อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแก กล่าวว่า นางสาวสุวนันท์ หรือน้องน้ำ เป็นบุตรสาวของตน เดินทางไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ประมาณ 2 ปี น้องน้ำเป็นเสาหลักของครอบครัว หารายได้ส่งทางบ้าน ที่ผ่านมาวันสำคัญหรืองานบุญประเพณี จะกลับมาเยี่ยมบ้านเป็นประจำ แต่หลังเกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จึงไม่ได้กลับบ้าน แต่ก็ติดต่อกันทางโทรศัพท์เป็นระยะ ก่อนจะทราบข่าวจากเพื่อนลูกสาวว่าน้องน้ำไปทำงานร้านอาหารในมาเลเซีย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียจับกุมเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2564 พร้อมเพื่อนที่ไปด้วยกัน 18 คน ฐานความผิดลักลอบเข้าเมือง
ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม ได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวว่ากำลังจะได้รับการปล่อยตัว โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลมารับ ซึ่งเป็นการติดต่อครั้งสุดท้ายกับลูกสาว จะไปติดตามสอบถามใครก็ไม่มีใครรู้จัก แม้กระทั่งร้านอาหารที่ลูกสาวเคยไปทำงานก็ไม่มีใครทราบเรื่อง จนท้ายที่สุดไปแจ้งความคนหายที่ สภ.แห่งหนึ่งในเขตเพชรบุรีตัดใหม่ แล้วเดินทางกลับมาบ้าน
จากนั้นไปขอปรึกษากับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ก็ให้หมายเลขติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศก็ไม่สามารถติดต่อได้ ตนกับภรรยารู้สึกเป็นห่วงลูกสาวและทุกข์ใจมาก จึงเดินทางมาแจ้งความและขอคำปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูงครั้งนี้
ด้านนางวงศ์เดือน พงษ์ศิริ อายุ 45 ปี มารดาน้องน้ำ กล่าวว่า ตนติดต่อกับลูกสาวครั้งสุดท้ายประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยทราบจากลูกสาวแค่ว่าไปศัลยกรรมจมูกใหม่ ไม่ได้บอกว่าจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งหากตนทราบก็จะห้ามปรามลูกไม่ให้เดินทางไปทำงานแน่นอน เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับลูก ซึ่งเป็นผู้หญิง เหมือนคดีอื่นๆ ที่เคยปรากฏตามสื่อต่างๆ
หลังจากทราบเรื่องจากเพื่อนลูกสาวว่าน้องน้ำเดินทางไปทำงานที่มาเลเซียและถูกจับดังกล่าว ตนกับสามีต่างกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงเดินทางไปติดตามหาเบาะแส แต่ไม่มีใครรู้เรื่อง หมดสิ้นหนทางจะติดตามหาลูกสาว จึงเข้าร้องทุกข์ต่อมูลนิธิกระจกเงา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานกงสุล ตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ดำรงธรรม ก็ไม่คืบหน้า จึงมาแจ้งความและปรึกษาตำรวจท้องที่ เพื่อเริ่มต้นนับหนึ่ง ติดตามหาลูกสาวอีกครั้ง ซึ่งความหวังสุดท้ายคือกระทรวงการต่างประเทศ อยากจะขอความช่วยเหลือติดตามหาตัวลูกสาวด้วยเพราะกลัวลูกสาวจะได้รับอันตราย หรือตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์
ขณะที่ พ.ต.ท.ถวิล กุลนาฝาย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.โนนสูง กล่าวว่า หลังจากสอบถามผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและภรรยา ที่มาขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นทราบว่านางสาวสุวนันท์ หรือน้องน้ำ เดินทางไปทำงานที่มาเลเซีย ในลักษณะลักลอบเข้าเมือง ไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงค่อนข้างยุ่งยากในการตรวจสอบรายชื่อ ในสารบบของกรมแรงงานหรือการเดินทางระหว่างประเทศทั่วไป
เบื้องต้นได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานกงสุลและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสืบเสาะหารายชื่อแรงงานที่ลักลอบเข้าเมือง และถูกจับในวันและสถานที่ดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อที่จะจับต้นชนปลาย และติดตามหาตัวบุคคลที่สูญหายนั้น ว่าถูกจับหรือถูกปล่อยตัวจริงหรือไม่ เพื่อจะได้ติดตามตัวในลำดับต่อไป