“พล.ท.มนัส คงแป้น” ผู้ต้องขังคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา เสียชีวิต ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว หลังถูกส่งเข้า รพ.ราชทัณฑ์เมื่อคืนนี้ แต่ช่วยไม่ทัน ยันไม่เกี่ยวโควิด-19
วานนี้ (3 มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีการส่งต่อข้อความทางไลน์กลุ่มเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 16 (ตท.16) ว่า พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ผู้ต้องขังในเรือนจำ จากคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ขบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่ทางภาคใต้ ซึ่งถูกกวาดล้างเมื่อปี 2558 ได้เสียชีวิตในเรือนจำ ขณะอายุ 65 ปี
โดย นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า เป็นความจริง โดยได้รับรายงานเมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 มิ.ย.จากโรงพยาบลราชทัณฑ์ ว่า พล.ท.มนัส เสียชีวิตเนื่องจากมีอาการช็อก หมดสติขณะออกกำลังกายในบริเวณ รพ.ราชทัณฑ์ ในช่วงเย็น แพทย์ได้พยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ เอ็กซ์เรย์พบอาการหัวใจโต โดยเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว เมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 2 มิ.ย.64 ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แต่อย่างใด
“พล.ท.มนัส มีโรคประจำตัวหลายอย่าง จึงมาอยู่ที่ รพ.ราชทัณฑ์ได้สักระยะหนึ่ง ก่อนมีอาการช็อก หมดสติ หัวใจล้มเหลว เสียชีวิต ในส่วนคดีอยู่ในชั้นรอฎีกา” นายอายุตม์ ระบุ
จากนั้น กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของ พล.ท.มนัส โดยระบุว่า พล.ท.มนัส ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม และย้ายเข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.61 เนื่องจากมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ไขมันในโลหิตสูง และหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.64 ขณะเดินออกกำลังกาย มีอาการวูบหมดสติไม่รู้สึกตัว นอนนิ่ง ไม่หายใจ คลำชีพจรไม่ได้ ผู้เห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งผู้คุมและเจ้าหน้าที่ จากนั้นพยาบาลแรกรับคลำชีพจรไม่ได้ ม่านตาไม่ตอบสนองต่อแสง จึงได้ทำการกู้ชีพ กดนวดหัวใจ (CPR) และใส่ท่อช่วยหายใจ จากนั้นเวลา 19.00 น. แพทย์ได้ทำการรักษาเพื่อช่วยชีวิตตามกระบวนการทางการแพทย์อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งนอกจากนี้ยังได้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด รวมทั้งได้เอกซเรย์ปอด พบหัวใจโต จึงทำการกดนวดหัวใจเป็นเวลา 40 นาที พบว่าร่างกายไม่มีการตอบสนองไม่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเสียชีวิตในเวลา 19.40 น. แพทย์จึงได้ทำการวินิจฉัยพบว่า ร่างกายเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ศพของ พล.ท.มนัส อยู่ที่สถาบันนิติเวช ทางญาติกำหนดรับศพไปตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดชลประทานฯ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในวันที่ 4-5 มิ.ย. จากนั้นวันอาทิตย์ที่ 6 มิ.ย.64 จะมีพิธีฌาปนกิจ
สำหรับ พล.ท.มนัส เป็นนักเรียน ตท.16 เส้นทางราชการเติบโตในพื้นที่ภาคใต้ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนแยกที่ 1 ระนอง รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาแรงงานพม่าและการลักลอบเข้าเมืองของชาวโรฮิงญาโดยตรง, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 25 กรมทหารราบที่ 25 (ผบ.ร.25), ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกชุมพร (ผบ.จทบ.ชุมพร), ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 (ผบ.มทบ.42) จ.สงขลา เป็นต้น และดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในการโยกย้ายเมื่อ เม.ย.58 เป็นตำแหน่งสุดท้าย ก่อนถูกฟ้องร่วมขบวนการค้ามนุษย์ ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีนโยบายปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ที่ในตอนนั้นไทยถูกจัดอยู่ในอันดับเทียร์ 3 หรืออันดับต่ำที่สุดตามรายงานประจำปีสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลต่อมาตรการทางเศรษฐกิจหลายด้าน
เมื่อเดือน ต.ค.62 ศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษา ในความผิดฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ ผู้ต้องหา 103 คน มี พล.ท.มนัส เป็นหนึ่งในนั้น โดยให้รวมโทษจำคุกในคดีฟอกเงิน ความผิดฐานค้ามนุษย์ รวม 4 กรรม และความผิดฐานให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ จากเดิมศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 27 ปี เป็นจำคุก 82 ปี ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างฎีกา
วานนี้ (3 มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีการส่งต่อข้อความทางไลน์กลุ่มเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 16 (ตท.16) ว่า พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ผู้ต้องขังในเรือนจำ จากคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ขบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่ทางภาคใต้ ซึ่งถูกกวาดล้างเมื่อปี 2558 ได้เสียชีวิตในเรือนจำ ขณะอายุ 65 ปี
โดย นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า เป็นความจริง โดยได้รับรายงานเมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 มิ.ย.จากโรงพยาบลราชทัณฑ์ ว่า พล.ท.มนัส เสียชีวิตเนื่องจากมีอาการช็อก หมดสติขณะออกกำลังกายในบริเวณ รพ.ราชทัณฑ์ ในช่วงเย็น แพทย์ได้พยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ เอ็กซ์เรย์พบอาการหัวใจโต โดยเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว เมื่อเวลา 19.40 น. วันที่ 2 มิ.ย.64 ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แต่อย่างใด
“พล.ท.มนัส มีโรคประจำตัวหลายอย่าง จึงมาอยู่ที่ รพ.ราชทัณฑ์ได้สักระยะหนึ่ง ก่อนมีอาการช็อก หมดสติ หัวใจล้มเหลว เสียชีวิต ในส่วนคดีอยู่ในชั้นรอฎีกา” นายอายุตม์ ระบุ
จากนั้น กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของ พล.ท.มนัส โดยระบุว่า พล.ท.มนัส ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม และย้ายเข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.61 เนื่องจากมีโรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง ไขมันในโลหิตสูง และหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.64 ขณะเดินออกกำลังกาย มีอาการวูบหมดสติไม่รู้สึกตัว นอนนิ่ง ไม่หายใจ คลำชีพจรไม่ได้ ผู้เห็นเหตุการณ์จึงได้แจ้งผู้คุมและเจ้าหน้าที่ จากนั้นพยาบาลแรกรับคลำชีพจรไม่ได้ ม่านตาไม่ตอบสนองต่อแสง จึงได้ทำการกู้ชีพ กดนวดหัวใจ (CPR) และใส่ท่อช่วยหายใจ จากนั้นเวลา 19.00 น. แพทย์ได้ทำการรักษาเพื่อช่วยชีวิตตามกระบวนการทางการแพทย์อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งนอกจากนี้ยังได้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด รวมทั้งได้เอกซเรย์ปอด พบหัวใจโต จึงทำการกดนวดหัวใจเป็นเวลา 40 นาที พบว่าร่างกายไม่มีการตอบสนองไม่มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเสียชีวิตในเวลา 19.40 น. แพทย์จึงได้ทำการวินิจฉัยพบว่า ร่างกายเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ศพของ พล.ท.มนัส อยู่ที่สถาบันนิติเวช ทางญาติกำหนดรับศพไปตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดชลประทานฯ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในวันที่ 4-5 มิ.ย. จากนั้นวันอาทิตย์ที่ 6 มิ.ย.64 จะมีพิธีฌาปนกิจ
สำหรับ พล.ท.มนัส เป็นนักเรียน ตท.16 เส้นทางราชการเติบโตในพื้นที่ภาคใต้ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนแยกที่ 1 ระนอง รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาแรงงานพม่าและการลักลอบเข้าเมืองของชาวโรฮิงญาโดยตรง, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 25 กรมทหารราบที่ 25 (ผบ.ร.25), ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกชุมพร (ผบ.จทบ.ชุมพร), ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 (ผบ.มทบ.42) จ.สงขลา เป็นต้น และดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในการโยกย้ายเมื่อ เม.ย.58 เป็นตำแหน่งสุดท้าย ก่อนถูกฟ้องร่วมขบวนการค้ามนุษย์ ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีนโยบายปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ ที่ในตอนนั้นไทยถูกจัดอยู่ในอันดับเทียร์ 3 หรืออันดับต่ำที่สุดตามรายงานประจำปีสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลต่อมาตรการทางเศรษฐกิจหลายด้าน
เมื่อเดือน ต.ค.62 ศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษา ในความผิดฐานสมคบกันค้ามนุษย์ฯ ผู้ต้องหา 103 คน มี พล.ท.มนัส เป็นหนึ่งในนั้น โดยให้รวมโทษจำคุกในคดีฟอกเงิน ความผิดฐานค้ามนุษย์ รวม 4 กรรม และความผิดฐานให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ จากเดิมศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 27 ปี เป็นจำคุก 82 ปี ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างฎีกา