เชียงใหม่ - ศูนย์โควิด-19 เชียงใหม่เผยตรวจเจอเพิ่มอีก 5 ราย ชี้เหตุยังติดเชื้อเรื่อยๆ เนื่องจากพบคนละเลยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันจริงจัง พร้อมแจงรายละเอียดผู้เสียชีวิต 3 รายล่าสุด ขณะเดียวกันสั่งเข้ม พนง.ขับรถสาธารณะ-ขนส่งสินค้าจากพื้นที่สีแดงเข้มและพื้นที่เสี่ยงระบาดอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อทุก 7 วัน เร่งเครื่องฉีดวัคซีนครอบคลุม 70% สร้างภูมิคุ้มกันหมู่
วันนี้ (27 พ.ค. 64) ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ระลอกเดือนเมษายนจังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน โดย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 5 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,076 ราย รักษาหายแล้ว 3,828 ราย คิดเป็นร้อยละ 94 ของผู้ป่วยทั้งหมด ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 224 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มจากเมื่อวานนี้ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ที่ 23 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 168 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 34 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 16 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 6 ราย
ส่วนการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเมื่อวานนี้ (26 พ.ค. 64) ทำการตรวจไปจำนวน 608 ราย พบผู้มีผลบวกร้อยละ 1.32 ซึ่งสอดคล้องกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลง ด้านปัจจัยเสี่ยงพบว่าสาเหตุหลักยังคงเป็นการสัมผัสในครอบครัวและการสัมผัสในสถานที่ทำงาน และยังคงมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การสัมผัสในชุมชนและการนำเข้ามาจากต่างพื้นที่ก็เริ่มพบมากขึ้นเช่นกัน โดยผู้ติดเชื้อที่พบในวันนี้มีบางรายไปซื้อหรือขายของที่ตลาดสี่มุมเมืองแล้วกลับเข้ามาในพื้นที่ และมีอีก 1 รายที่ติดจากการไปรับประทานหมูกระทะร่วมกับผู้ติดเชื้อ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการที่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมืออยู่บ้านหยุดเชื้อ ไม่รักษามาตรการป้องกันโรคอย่างจริงจัง จังหวัดเชียงใหม่ก็จะยังพบผู้ติดเชื้อและไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับการตรวจคัดกรองเชิงรุกพื้นที่เสี่ยง วันนี้ทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงพื้นที่คัดกรองที่แคมป์คนงานต่างด้าวตำบลแม่เหียะ โดยเป็นการดำเนินงานร่วมกับทีมปกครองของอำเภอ เทศบาลเมืองแม่เหียะ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบ้านท่าข้าม แม่เหียะ โดยมีการตรวจหลักฐานบัตรประจำตัว สถานที่พัก ให้ความรู้และใช้รถนำเที่ยวรับไปตรวจคัดกรอง ณ จุดตรวจคัดกรองวัดต้นปิน โดยทำการตรวจทั้งหมด 95 ราย ส่วนการตรวจกลุ่มพนักงานขับรถขนส่งสินค้าได้ทำการตรวจไปแล้ว 192 ราย พบผู้มีผลบวก 5 ราย เป็นคลัสเตอร์บริษัทขนส่งสินค้าที่อำเภอสารภีเดิม ทั้งนี้ ขอประกาศเพิ่มเติมให้รถที่รับสินค้าจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุก 7 วัน ตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ เนื่องจากพบว่ายังคงมีการระบาดในพื้นที่อำเภอแม่สาย
ส่วนคลัสเตอร์ต่างๆ นั้น วันนี้มีคลัสเตอร์ที่ปลอดภัยแล้ว 6 คลัสเตอร์ คือ คณะเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยพายัพเทคโนโลยี บริษัทขายตรง ลานธรรมนำสุข โครงการหลวง ศูนย์เด็กเล็กแม่คือ และบ้านขุนบ่อหลวง อำเภอฮอด อย่างไรก็ตามยังคงมีคลัสเตอร์เฝ้าระวังต่อเนื่อง 12 คลัสเตอร์ และคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด 3 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์บ้านแพะ ตำบลข่วงเปา อำแภอจอมทอง, คลัสเตอร์ขายของออนไลน์ตำบลสันนาเม็ง อำเภอสันทราย และบริษัทขนส่งสารภี ขณะที่ยอดการจองวัคซีนของเชียงใหม่ขณะนี้อยู่ที่ 180,256 ราย และขอให้ความมั่นใจว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้นปลอดภัย พร้อมเชิญชวนคนเชียงใหม่ร่วมใจกันฉีดวัคซีนให้มากกว่าร้อยละ 70 เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และเดินหน้าด้านการท่องเที่ยวต่อไปได้ ทั้งนี้ยืนยันว่ามีจำนวนวัคซีนที่เพียงพออย่างแน่นอน
ด้านนายแพทย์ วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ชี้แจงรายละเอียดของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 3 รายล่าสุดว่า เมื่อวานนี้ (26 พ.ค. 64) ว่าผู้เสียชีวิตรายที่ 21 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นชายไทย อายุ 52 ปี มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไตวายเรื้อรัง อยู่ในพื้นที่เสี่ยงระบาด (เรือนจำ) โดยวันที่ 9 พฤษภาคม มีอาการอ่อนเพลีย ถ่ายเหลว หายใจเหนื่อยหอบ และตรวจพบเชื้อโควิด-19 วันที่ 10 พฤษภาคม มีอาการเหนื่อยมากขึ้น จึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ วันที่ 23 พฤษภาคม อาการแย่ลง ระบบหายใจล้มเหลว ความดันต่ำ กระทั่งเสียชีวิตลงในวันที่ 25 พฤษภาคม เวลา 05.40 น.
ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 22 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นชายไทย อายุ 47 ปี มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่โรงพยาบาลชุมชน และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพิงค์ วันที่ 8 พฤษภาคม พบการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ระบบหายใจล้มเหลว และได้รับการรักษาด้วยเครื่องปอด, หัวใจเทียม (ECMO) แต่อาการยังไม่ดีขึ้น และระบบหายใจล้มเหลว กระทั่งเสียชีวิตลงในวันที่ 25 พฤษภาคม เวลา 11.17 น.
ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายที่ 23 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นชายไทย อายุ 62 ปี มีโรคประจำตัวเป็นโรคซีด อยู่ในพื้นที่เสี่ยงระบาด (เรือนจำ) ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 3 พฤษภาคม และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ วันที่ 11 พฤษภาคม มีอาการเหนื่อยหอบมาก จึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ วันที่ 23 พฤษภาคม พบติดเชื้อในกระแสเลือด และวันที่ 25 พฤษภาคม พบอวัยวะภายในล้มเหลวหลายส่วน กระทั่งเสียชีวิตลงในเวลา 12.48 น.
นอกจากนี้ นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามคำสั่งที่ 61/2564 ว่าได้มีการเพิ่มการแบ่งกลุ่มผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดเชียงใหม่ออกเป็น 6 กลุ่ม โดยเพิ่มกลุ่มที่ 6 คือกลุ่มพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ/ขนส่งสินค้า และปรับเพิ่มเติมในกลุ่มที่ 1 เป็นผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือย้ายมาปฏิบัติราชการ/ปฏิบัติงานในจังหวัดเชียงใหม่เป็นการประจำ โดยทั้ง 6 กลุ่มมีแนวทางการปฏิบัติตนที่คล้ายกันคือต้องสแกน CM-CHANA การรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคในพื้นที่ การกักตนเองอยู่ในบ้านพัก การสังเกตอาการตนเอง กรณีผู้ใดที่รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่พนักงานควบคุมโรคในพื้นที่เพื่อขอรับสิทธิผ่อนผันในการปฏิบัติ
สำหรับการปฏิบัติตนของกลุ่มพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ รถขนส่งสินค้าทางการเกษตร และผู้ขับรถขนส่งสินค้าประเภทอาหารทะเลหรือผลไม้ ที่มีการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ขอให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุก 7 วัน ที่โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือจุดตรวจเฉพาะกิจของกระทรวงสาธารณสุข หรือศูนย์วัณโรคเขต 10 เชียงใหม่ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจนกว่าจะไม่มีการแพร่ระบาด พร้อมขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด และแสดงเอกสารผลการตรวจโควิด-19 ต่อเจ้าพนักงานที่ทำการตรวจสอบ