น่าน - ครอบครัวปู่หลานชาวเมืองน่านพร้อมเดินทางร้องขอความเป็นธรรมหน้ากระทรวงยุติธรรมกรณีถูกยึดบ้านขายทอดตลาด แม้ไม่ใช่ลูกหนี้ แถมถูกนายทุนซื้อ-โก่งราคาขายคืนเพิ่ม 100% เผยเคยร้องศาล-ยื่นกรมบังคับคดีแล้วไม่ได้ผล
ความคืบหน้ากรณี นายสกฤษ์ ธนะคำ อายุ 76 ปี ชาวจังหวัดน่าน ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนว่าถูกกรมบังคับคดียึดบ้าน-ที่ดินขายทอดตลาด ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ลูกหนี้ และยื่นร้องศาลขอให้กรมบังคับคดีเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะกรมบังคับคดีไม่ลงมาตรวจสอบ และอ้างว่าได้สอบสวนแล้วและไม่ยอมปล่อยทรัพย์
ต่อมาครอบครัวต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลล้มละลายกลาง ศาลพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์ให้กับครอบครัว แต่กรมบังคับคดียื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ และศาลฎีกาไม่รับอุทธรณ์ ทำให้คำพิพากษาถึงที่สุด กรมบังคับคดีเดินหน้าขายทอดตลาด โดยดึงทรัพย์ซึ่งมีที่ตั้งอยู่จังหวัดน่านขายเองที่ กทม.
ซึ่งนายสกฤษ์ และครอบครัวตัดสินใจรอให้จบการขายทอดตลาดรอบสุดท้ายเพื่อขอลดราคาลงจากเดิมไม่ให้เดือดร้อนมากกว่าเดิม ตามคำแนะนำของอัยการฯ เพราะเชื่อว่าจะไม่มีใครมาซื้อ เนื่องจากที่ตั้งทรัพย์อยู่ในหมู่บ้านดั้งเดิมและไม่ใช่ย่านธุรกิจ คนที่จะซื้อต้องเป็นคนในพื้นที่-รู้จักคนในหมู่บ้านเท่านั้น ซึ่งการประกาศขายที่จังหวัดน่านก็ปรากฏว่าคนในพื้นที่ไม่มีใครสนใจซื้อจริง และหากนำไปขายที่ กทม.ยิ่งเป็นไปได้ยากมากที่จะมีคนซื้อ
แต่ปรากฏว่าในการขายรอบสุดท้ายกลับมีนายทุนเข้ามาซื้อ ซึ่งแหล่งข่าวในแวดวงธุรกิจซื้อ-ขายที่ดิน ให้ข้อมูลว่าหากทรัพย์ตัวไหนมีปัญหาและเชื่อมั่นว่าเจ้าของทรัพย์เดิมจะต้องซื้อคืนอย่างแน่นอน แม้ทรัพย์นั้นแทบจะไม่มีมูลค่าในทางธุรกิจ และเจ้าหนี้ต้องการให้ขาย ก็จะมีการส่งซิกจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้กับกลุ่มนายทุนเข้าช้อนซื้อและนำไปเก็งกำไร
ต่อมาก็พบว่าผู้เสนอซื้อทรัพย์ (บ้าน-ที่ดินนายสกฤษ์) ได้ตั้งราคาขายคืนให้สูงกว่าเดิม 100% ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะทางครอบครัวได้ร้องขอความเป็นธรรมตามขั้นตอนไปหลายหน่วยงาน แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบจึงต้องนำเรื่องร้องเรียนสื่อมวลชนดังกล่าว
ล่าสุด น.ส.รัตนา ผู้เสียหาย (ลูกสาว) บอกว่า หลังจากที่เป็นข่าว และอธิบดีกรมบังคับคดีได้ออกมาระบุว่าพร้อมจะเจรจาไกล่เกลี่ยและให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวหากต้องการซื้อบ้านคืน แต่หลังจากที่เป็นข่าว (19 พ.ค. 64) จนถึงขณะนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางกรมบังคับคดีหรือการชี้แจงความโปร่งใสในกระบวนการขายทอดตลาดตามที่ครอบครัวสงสัยแต่อย่างใด ประกอบกับครอบครัวได้ร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีกรมบังคับคดีมาตลอดตั้งแต่ต้น แต่ไม่เคยได้รับการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างจริงใจแม้แต่ครั้งเดียว
ขณะนี้ครอบครัวจึงไม่มีความมั่นใจว่าจะให้ความเป็นธรรมจริงๆ จึงได้ทำหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอให้เป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยคืนความยุติธรรมให้แก่ครอบครัว และหากไม่มีความคืบหน้าทางครอบครัว ทั้งตนพร้อมด้วยพ่อและหลานชายจะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมที่หน้ากระทรวงฯต่อไป
พร้อมจะขอให้ตรวจสอบกระบวนการขายทอดตลาดและตรวจสอบผู้ซื้อว่าเป็นประชาชนทั่วไปที่ประสงค์ซื้อบ้านด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์จริงๆ หรือเป็นนักธุรกิจค้าที่ดินที่เข้าช้อนซื้อเพราะได้รับข้อมูลภายใน ตามที่ได้รับข้อมูลจากผู้ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจซื้อขายที่ดิน และหากเป็นเช่นนั้นจริงครอบครัวจะร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย