xs
xsm
sm
md
lg

ด่านนี้ “พิมรี่พาย” จะฝ่ายังไง ปมรายได้-ภาษี เคลียร์ไม่ไหวได้งานเข้าเต็มๆ แน่ **“ชวน” เหลืออด เตือน ส.ส.- รัฐมนตรี ให้ไปดูแล อบรมลูกน้องหลังเบ่ง ตะคอกใส่แพทย์ พยาบาล ที่ไม่ยอมให้ “ลัดคิว” ฉีดวัคซีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ด่านนี้ “พิมรี่พาย” จะฝ่ายังไง ปมรายได้-ภาษี-สินค้าไม่ได้มาตรฐานจากไลฟ์ขายของออนไลน์ เคลียร์ไม่ไหวได้งานเข้าเต็มๆ แน่

เมื่อ “พิมรี่พาย” พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ ยูทูปเบอร์ และแม่ค้าออนไลน์ “พิมรี่พายขายทุกอย่าง” ถูก “นักร้อง” อย่าง “สนธิญา สวัสดี” ยื่นหนังสือถึงสำนักงานผู้บังคับการกองปราบปราม ให้ตรวจสอบสิ่งที่เธอทำ ดูเผินๆ ก็อาจจะมองว่าเป็นเกมการเมือง ด้วยชื่อชั้นของนักร้องไม่ได้โด่งดังมากนัก และมักเลือกร้องให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเต้นเสียมากกว่า หลังจากที่ “พิมรี่พาย” พลิกคดีด่า “ลุงโทนี่” กลับมาขอโทษในภายหลัง แต่ที่ “พิมรี่พาย” และกองเชียร์ของเธอจะดูเบาไม่ได้อยู่ที่ประเด็นข้อสงสัยที่นักร้องคนนี้หยิบยื่นให้กองปราบฯ พิจารณาตรวจสอบมากกว่า

เรียกว่า เจอเกมการเมือง เจอนักร้องคนไม่ชอบนั้นเรื่องเล็ก เชื่อว่า พิมรี่พาย ที่มี “ปาก” เป็นอาวุธ น่ารับมือได้สบายมาก แต่เรื่องของกิจการไลฟ์สดขายทุกอย่างบนโลกออนไลน์ของเธอนี่ล่ะปัญหา

พิมรี่พาย
งานนี้ “สนธิญา สวัสดี” ได้ขอให้กองปราบฯตรวจสอบการประกอบกิจการของ “พิมรี่พาย” โดยสงสัยว่าสินค้าที่นำมาจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์นั้น เป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งก็ย้อนเอาเหตุการณ์เมื่อปีก่อน 19 ส.ค. 63 ที่ตำรวจ บก.ปคบ. เข้าค้นโกดังสินค้าของแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ก่อนพบว่า เครื่องสำอางไม่ได้คุณภาพ ซึ่งเจ้าตัวออกมายอมรับว่าเครื่องสำอางไม่ได้มาตรฐานจริง ก่อนเรื่องจะเงียบหายไป
นักร้องรายนี้ยังยกประเด็น การนำของไปบริจาคสังคม เงินที่บริจาคมาจากส่วนไหน จากกำไร หรือการประกอบธุรกิจ และการดำเนินธุรกิจของพิมรี่พาย ได้จ่ายภาษีให้กับทางราชการ หรือไม่
ต้องบอกว่า ประเด็นตรงนี้งานจะเข้า “พิมรี่พาย” ได้เหมือนกัน ถ้าตอบหรือเคลียร์ข้อสงสัยไม่กระจ่าง อย่าลืมว่าเรื่องเงินบริจาค เคยมีบทเรียนของ “โค้ชฌอน” ฌอน บูรณะหิรัญ ไลฟ์โค้ชชื่อดังพังมาแล้ว

สนธิญา สวัสดี
ยิ่งโฟกัสเฉพาะการขายของออนไลน์ของ “พิมรี่พาย” ถือว่าจี้เข้าไปตรงจุดสำคัญ ในสไตล์ไลฟ์สดที่ดุเด็ด แซ่บเวอร์ ของ “พิมรี่พาย” ทำให้เธอแจ้งเกิดเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์ “ดาวฤกษ์” ที่ขายทุกอย่างตั้งแต่ น้ำปลาร้า น้ำพริก ไปจนถึงสินค้าความงามอย่างน้ำหอม และสกินแคร์ โดยมีราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป พิมรี่พายมักใช้ช่องทาง “ไลฟ์สด” ผ่านเฟซบุ๊ก “พิมรี่พายขายทุกอย่าง” มีผู้ติดตามถึง 4.5 ล้านราย การไลฟ์แต่ละครั้ง มีผู้เข้าชมแบบเรียลไทม์หลายแสนคน มียอดรวมนับล้านครั้ง
ว่ากันว่า ช่วงพีกๆ ที่พิมรี่พายถูกพูดถึงเยอะๆ ในการไลฟ์ขายของเพียง 1 ชั่วโมง มียอดสั่งซื้อกว่า 16,000 ออเดอร์เลยทีเดียว
นอกจากจะเป็นแม่ค้าออนไลน์แล้ว “พิมรี่พาย” ยังพ่วงตำแหน่ง ยูทูปเปอร์ ที่ใน YouTube มีผู้ติดตามถึง 4.1 ล้านราย รวมถึงในเฟซบุ๊กเพจส่วนตัว “Pimrypie - พิมรี่พาย” ที่มียอดคนติดตามถึง 9.9 ล้านราย เรียกว่า ทำคอนเทนต์มีรีวิวสินค้า รายได้ต้องถือว่าน่าจะเป็น ตัวท็อปๆ ของประเทศ
งานนี้ก็นึกเป็นห่วงแม่ค้าออนไลน์ขายทุกอย่างคนดัง ถ้าเคลียร์ปมรายได้-ภาษีไม่ไหว ได้งานเข้าเต็มๆ แน่



** กร่างจนเป็นนิสัย!! “ชวน” เหลืออด ต้องออกมาเตือน ส.ส.- รัฐมนตรี ให้ไปดูแล อบรมลูกน้อง และผู้ติดตามกันบ้าง หลังวางก้าม อวดเบ่ง ตะคอกใส่แพทย์ พยาบาล ที่ไม่ยอมให้ “ลัดคิว” ฉีดวัคซีน

ชวน หลีกภัย
ส.ส.และ ส.ว. ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด เพราะต้องออกไปพบปะประชาชน ต้องใกล้ชิดสัมผัสกับผู้คนหลากหลาย ทางรัฐสภาจึงมีโควตาให้ ส.ส.- ส.ว.ไปฉีดวัคซีนที่สถาบันบำราศนราดูร มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ฉีด
เมื่อโควิดระบาดหนัก และจะมีการประชุมสภา เพื่อพิจารณา พ.ร.ก. 2 ฉบับ ในวันที่ 27-28 พ.ค. ต่อด้วยการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 ในวันที่ 31 พ.ค.- 2 มิ.ย.นี้ “ท่านประธานชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา จึงต้องการให้ ส.ส.- ส.ว. พร้อมผู้ติดตาม ตลอดจนข้าราชการรัฐสภา ได้ฉีดวัคซีนให้มากที่สุด ตามมาตรการป้องกันการแร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จะได้ไม่เกิด “คลัสเตอร์สภา” ในภายหลัง
ทางสำนักเลขาธิการสภา จึงจัดเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข มาให้บริการฉีดวัคซีน ที่โถงรัฐสภาเมื่อวันที่ 22-23 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้... แล้วในวันที่ 23 พ.ค.ก็เกิดเรื่องให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจนได้ เพราะมีผู้ติดตามนักการเมืองซึ่งอยู่ในทีมพีอาร์ ของพรรคการเมืองหนึ่ง มาขอลัดคิว อ้างว่าจะต้องติดตาม ส.ส.ไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างจังหวัด เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ก็เลยขู่ตะคอกใส่เจ้าหน้าที่ ที่มาให้บริการ
เหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ทั้งข้าราชการสภาและพยาบาล มีการเมาต์กันให้แซด
เมื่อเรื่องถึงหู “ท่านประธานชวน” ก็เลยต้องมาปราบดังๆ ในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ว่า มีการร้องเรียนว่าผู้ติดตาม ส.ส.หรือรัฐมนตรีบางราย มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ ในลักษณะอวดเบ่ง ต้องการลัดคิว ถึงกับตะคอกใส่แพทย์ พยาบาล ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ไปตักเตือนกันด้วย
แม้ “ท่านประธานชวน” จะไม่ได้เอ่ยชื่อว่าเป็นผู้ติดตาม ส.ส. หรือติดตามรัฐมนตรีท่านใด แต่ก็มีสื่อบางสำนักระบุว่า เป็นผู้ติดตาม “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

อนุชา นาคาศัย
ทำเอา “เสี่ยแฮงค์” ออกอาการ “ร้อน” จากหัวยันก้น... รีบชี้แจงว่าได้สอบถามผู้ติดตามทุกคนแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่อง และในวันที่ 23 พ.ค.ไม่มีทีมงานของตนเองอยู่ที่รัฐสภาล้านเปอร์เซ็นต์ ไปเช็กดูได้ ถ้าทีมงานของตนเองเป็นแบบนั้นจะตัดปากทิ้ง และให้ไปกราบเท้าขอโทษ จากนั้นจะไปอยู่ที่ไหนก็เชิญ
“เสี่ยแฮงค์” ยังตั้งรางวัลว่า ถ้าใครมายืนยันได้ว่าเป็นทีมงาน หรือผู้ติดตามของตนเอง ยินดียกเงินเดือนของตัวเองให้ไปเลย 5 เดือน เพราะที่ผ่านมา ทั้งตนเองและทีมงาน มีแต่ช่วยเหลือ ให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล ที่เสียสละ ทำงานหามรุ่งหามค่ำสู้กับโควิด ไม่มีทางที่จะไปทำอย่างนั่นแน่ ... มองว่าเรื่องนี้น่าจะมีคนจ้องดิสเครดิตตนเอง จึงมีข่าวปูดออกมาในลักษณะนี้
ขณะที่ “สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” เลขาฯประธานสภา ก็ออกมายืนยันอีกครั้งว่า “ท่านประธานชวน” ไม่ได้เอ่ยชื่อ ส.ส.หรือรัฐมนตรีคนใด เพียงแต่บอกว่าเป็นผู้ติดตาม ดังนั้นจึงต้องขอความเป็นธรรมให้กับรัฐมนตรีอนุชา ด้วย
จากเรื่องนี้ บ่งบอกความจริงได้อย่างหนึ่งว่า บรรดาผู้ติดตามนักการเมืองมักอวดเบ่งบารมี คิดว่ามี “อภิสิทธิ์” เหนือใคร ชอบใช้คำพูด กิริยาท่าทางข่มขู่ คุกคามผู้อื่นเป็นนิสัย...จนลืมคิดไปว่าการกระทำเช่นนี้จะสร้างความเสียหายให้กับผู้เป็นนาย
ถ้าทีมงานของ “เสี่ยแฮงค์” ไม่ได้ทำก็ถือว่ารอดตัวไป ส่วนจะเป็นทีมงาน หรือผู้ติดตามของใคร และใครที่ปล่อยข่าวแซะ ก็ต้องติดตามกันต่อไป... แต่เชื่อเถอะ เรื่องนี้มีมูล ไม่อย่างนั้น “ท่านประธานชวน” คงไม่ออกมาพูดตำหนิดังๆ อย่างนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น