เชียงราย - จนท.ฝ่ายความมั่นคงสกัดจับหนุ่มอินเดียลอบเดินข้ามน้ำสายจากฝั่งท่าขี้เหล็กเข้าไทยเตรียมไป กทม.ต่อ ขณะที่คนไทยทั้งชายและหญิงจ่ายกันหัวละหมื่นดอดข้ามแดนกลับ
หลังนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย, พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่สาย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหาร ออกตรวจตราตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าออกเมือง-สกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
กระทั่งค่ำที่ผ่านมา (20 พ.ค. 64) เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบคนไทยจำนวน 4 คน เดินอยู่บนถนนทางขึ้นวัดถ้ำผาจม หมู่ 1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ติดชายแดนไทย-เมียนมา อย่างมีพิรุธ จึงเข้าไปตรวจสอบทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ทาลิธา อายุ 47 ปี ชาว ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี น.ส.กนกพร อายุ 35 ปี ชาว ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นายนัทที อายุ 35 ปี ชาว ต.จริม อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ และนายสมใจ อายุ 31 ปี มีภูมิลำเนาอยู่แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ
สอบถามทั้ง 4 สารภาพว่าเพิ่งเดินข้ามลำน้ำสายจากฝั่งเมืองท่าขี้เหล็กของเมียนมา แล้วเดินมาตามแนวสันเขาเข้าเขตไทย โดยเสียค่าจ้างให้คนนำพาหัวละ 10,000-13,000 บาท หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลักลอบข้ามไปฝั่งประเทศเมียนมาเพื่อหางานทำและเยี่ยมญาติ
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหารวด ประกอบด้วยข้อหาว่าเป็นบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่เดินทางเข้ามาตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลา ตามที่รัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 (คำสั่งจังหวัดเชียงรายที่ 1380/2563) เรื่องการระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะและสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า และช่องทางอื่นๆ ตลอดแนวชายแดนเป็นการชั่วคราว
วันเดียวกัน ขณะเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจบริเวณท่าข้ามหลังวัดถ้ำผาจมใกล้เคียงกับจุดเดิม พบบุคคลต้องสงสัยจำนวน 1 คน ท่าทางมีพิรุธ จึงเข้าไปตรวจสอบทราบชื่อต่อมาคือ นายซออะแว อู อายุ 29 ปี ชาวอินเดีย เมื่อสอบถามเบื้องต้นก็ทราบว่าลอบข้ามลำน้ำสายจากฝั่งท่าขี้เหล็กเข้าไทยมาเช่นกันเพื่อจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงได้ผลักดันเพื่อกลับไปยังประเทศเมียนมาทันที
ขณะที่กลางดึกคืนก่อนหน้านี้ ทหาร ร้อย.ม.สกัดกั้นที่ 2 กองกำลังผาเมืองตรวจพบบุคคลต้องสงสัย ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ปราณี อายุ 29 ปี ชาว ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย เป็นผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนหรือบัตรหัวศูนย์ เดินอยู่ริมฝั่ง ลักษณะเพิ่งข้ามลำน้ำสายที่เป็นเส้นเขตแดนเข้ามาบริเวณบ้านศรีป่าแดง ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย
เบื้องต้น น.ส.ปราณีให้การรับสารภาพด้วยดีว่าได้ลักลอบข้ามจากฝั่งไทยไปท่าขี้เหล็กบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ตั้งแต่ 1 ก.พ.เพื่อไปทำงานเป็นแม่บ้านที่หมู่บ้านสันทราย เมืองท่าขี้เหล็ก ก่อนจะลอบข้ามกลับมาหาลูก โดยเสียค่าใช้จ่ายให้คนนำพาในฝั่งประเทศเมียนมาเป็นเงิน 11,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงใน จ.เชียงราย ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และพลเรือน ในนาม บก.สกัดกั้นแรงงานต่างด้าว 3 ฝ่าย ได้เชิญตัวกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้า-ออกทางชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นชาย 2 คน คนหนึ่งมีฉายาว่า "แก้วท่าว้า" อายุ 56 ปีชาว อ.แม่สาย ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่าในอดีตได้ช่วยเหลือนำพาบุคคลและแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเข้าออกชายแดนจริง โดยเฉพาะตรงบริเวณท่าข้ามท่าว้าใกล้กับสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 แลกกับค่าจ้างหัวละ 3,000-5,000 บาท แต่ปัจจุบันเลิกทำแล้ว