ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - พบหอพักทั้งเก่า-ใหม่ผุดเต็มท่าขี้เหล็ก แม้แต่ 1G1 ยังสร้างตึกเพิ่ม แถมมีหญิงสาวชาวไทยเข้าพักเพียบ คาดรับแหล่งบันเทิง-บ่อนกาสิโนเปิดบริการกันคึกคัก
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้นอกจากสถานบันเทิงและบ่อนการพนันในฝั่งเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย จะเปิดบริการกันแทบทั้งเมืองมาตั้งแต่เดือนเมษายน 64 เป็นต้นมาแล้ว ยังมีการขยายต่อเติมอาคาร รวมทั้งมีหอพักรองรับคนเข้าไปทำงานอย่างคึกคักผิดปกติอีกด้วย
โดยสถานบันเทิง 1G1 ที่ตั้งติดกับลำน้ำสาย พรมแดนไทย-เมียนมา จากเดิมมี 2 อาคารก็สร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาอีก ขณะที่พื้นที่อื่นๆ ก็มีการขยายอาคาร-สร้างหอพักเพิ่ม และเป็นที่น่าสังเกตว่า ได้มีกลุ่มหญิงสาวคนไทยเข้าไปทำงานตามแหล่งต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันชัดเจนว่าเป็นกลุ่มเดิมที่ตกค้างหรือเดินทางเข้าไปใหม่
แหล่งข่าวผู้ประกอบการหอพักในเมืองท่าขี้เหล็กรายหนึ่ง กล่าวว่า ตอนนี้มีหญิงไทยอายุ 20-35 ปี เข้าไปพักตามหอพักต่างๆ ในเมืองท่าขี้เหล็กเป็นจำนวนมาก มีทั้งคนที่ไปเช่าอยู่เองและมีนายจ้างเช่าให้ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่าหญิงสาวเหล่านี้มาจากภาคกลางและภาคอีสานของไทยเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีคนภาคเหนือเลยแม้แต่ จ.เชียงราย หรือ จ.เชียงใหม่ ก็ยังไม่มี
เมื่อสอบถามก่อนให้เช่าห้องพักก็ทราบว่าส่วนใหญ่เป็นคนอีสาน ซึ่งพวกเขาระบุว่า หากไม่ได้ทำงานในเมืองท่าขี้เหล็กก็จะไปทางชายแดนประเทศกัมพูชาแทน โดยจะเข้าไปทำงานบริการตามสถานบันเทิงต่างๆ รวมทั้งบ่อนกาสิโนที่เปิดกันโดยถ้วนหน้า เช่น 1G1 เสือมังกร King Horse fly หรือม้าบิน ฯลฯ ที่เปิดบริการตั้งแต่เวลา 20.00 น.จนถึงเวลา 04.00 น.ทุกวัน
“สาเหตุที่หญิงสาวชาวไทยนิยมไปทำงานในท่าขี้เหล็ก เพราะนักท่องเที่ยวให้ความนิยมหญิงไทยที่แต่งตัวดีกว่า ส่วนหญิงสาวพม่าหรือชาวไตจะเป็นแบบธรรมชาติเกินไป ส่วนขบวนการนำพาก็ทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้ทั่วไป แต่เมื่อมีคนโทร.เข้าไปคนรับจะเลือกพูดกับเฉพาะหญิงสาวที่มีสำเนียงภาษาไทยภาคกลางชัดเจนเท่านั้น หากเป็นคนพม่าหรือชาวไทใหญ่ที่มีสำเนียงไม่ชัดเจนเขาจะวางสายทิ้งทันที” แหล่งข่าวกล่าว
ด้านแหล่งข่าวคนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองท่าขี้เหล็ก กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีคนไทยที่ทำงานประเภทบ่อนพนันออนไลน์ในเมืองท่าขี้เหล็ก และไม่ได้กลับไทยเป็นจำนวนมาก จึงไม่ทราบว่าคนที่ไปทำงานในสถานบันเทิงมาจากไหน อาจเป็นกลุ่มที่ข้ามไปทำงานช่วงก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นได้ ส่วนกิจการต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นและต่อเติมอย่างคึกคักนั้นเกิดจากนักลงทุนชาวจีนที่เข้าไปสร้างกิจการรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนโดยเฉพาะกลุ่มที่มาจากเมืองลา ชายแดนเมียนมา-จีน
กรณีมีผู้ออกมาระบุว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมืองท่าขี้เหล็กนั้น ทางผู้ประกอบการในเมืองท่าขี้เหล็ก ระบุว่า แท้จริงแล้วมีข่าวการพบผู้ป่วยโควิด-19 รายสุดท้ายในเมืองท่าขี้เหล็กตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา โดยเป็นคนที่ข้ามมาจากฝั่งไทยจำนวน 5 คน แต่ได้รักษาตัวจนหายแล้ว 4 คน คงเหลืออยู่เพียง 1 คน และไม่ได้มีการระบาดเพิ่มเติมอีก ขณะที่สถานการณ์ในเมืองท่าขี้เหล็กพบว่าไม่ได้มีการคัดกรอง หรือตรวจโรค แต่จะให้ประชาชนป้องกันตัวเอง ส่วนโรงพยาบาลของรัฐถูกปิดตั้งแต่เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่ผ่านมาแล้ว
ด้านชายแดนฝั่งไทยพบว่า ทางทหาร ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ยังคงวางกำลังสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีจุดล่อแหลมหลายจุด เช่น ชายแดนทางบกด้านหมู่บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ติดกับบ้านสามปี เมืองท่าขี้เหล็ก ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้วางกำลังทุกๆ 100 เมตร
ขณะที่ ลำน้ำสาย-ลำน้ำรวก ที่คับแคบและตื้นเขินตลอดแนว โดยเฉพาะจุดที่เป็นเขตบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์หนาแน่นทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้มีข้อจำกัดในการเข้าไปตรวจสอบภายใน เช่น ฝั่งตรงกันข้ามโรงแรมอัลลัวร์ รีสอร์ต ริมฝั่งชุมชนเกาะทราย ฯลฯ ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา กองร้อยสกัดกั้นที่ 1 กองบังคับการควบคุมที่ 2 ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ได้ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณท่าข้ามวัดผาจม ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติไทยเป็นชายและหญิงรวม 2 คน ขณะพยายามข้ามกลับมายังฝั่งไทย