ลำปาง - สองพ่อลูกช่างทำพลุงานศพเผยเหตุพลุระเบิดกลางพิธีฌาปนกิจ เศษเหล็กปลิวบาดคอคนร่วมงานเลือดนองศาลาสุสานบ้านหม้อ-ห้างฉัตร ก่อนเสียชีวิต ระบุทำพลุบอมบ์เน้นแสงสีพุ่งขึ้นฟ้า ทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่เพิ่งเกิดเหตุครั้งแรก
กรณีเหตุสยอง..พลุตะไลระเบิดระหว่างพิธีฌาปนกิจศพของผู้สูงอายุรายหนึ่ง ซึ่งได้จัดพิธี ณ สุสานบ้านหม้อ ม.12 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เมื่อบ่ายวานนี้ (13 พ.ค. 64) ทำให้เศษเหล็กปลิวบาดคอ นายเศรษฐ เทพวงค์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/108 ซ.วัดเวฬุวนาราม 21 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. ทนายความที่เดินทางมาไว้อาลัยเพื่อนสนิทได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฉกรรจ์ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่ รพ.ห้างฉัตร
นายนิคม ชนะดวงดี อายุ 48 ปี พ่อของช่างทำพลุ และนายศุภดล ชนะดวงดี อายุ 19 ปี ช่างทำพลุชาวลำปาง เปิดเผยระหว่างเดินทางไปรอให้ปากคำพนักงานสอบสวน สภ.ห้างฉัตร ว่า พลุดังกล่าวเรียกว่าพลุบอมบ์ เมื่อจุดแล้วจะมีแสงพุ่งขึ้นฟ้าแต่จะไม่ระเบิด ตัวฐานทำจากกระบอกเหล็กทรงกลมกว้างประมาณนิ้วครึ่ง ความสูงประมาณ 40 ซม. ซึ่งตอนเกิดเหตุนั้นตนอยู่อีกงานหนึ่งเพราะงานนี้ลูกชายเหมาจากคนที่ทำปราสาทศพทำเองในราคา 3,000 บาท
ขณะที่นายศุภดลบอกว่า ตนแม้จะอายุยังน้อยแต่มีประสบการณ์ทำพลุมาหลายปี เพราะครอบครัวทำพลุมาตั้งแต่รุ่นปู่ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็รับงานมาหลายที่ไม่ใช่ครั้งแรกเหมือนที่ในโซเชียลฯ กล่าวหา เพราะทางบ้านก็รับงานทั่วประเทศไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก
“พลุที่จุดวันนี้จะมีลักษณะกระบอกเหล็ก 2 กระบอกตั้งกับพื้น เมื่อจุดก็จะพุ่งขึ้นด้านบน แต่ครั้งนี้เมื่อจุดกลับเกิดระเบิดขึ้นทั้งสองกระบอก ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรผิดปกติ”
ด้านนายสัมฤทธิ์ ทรายเมืองมา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นหลานเจ้าภาพงานศพ เปิดเผยว่า จากการสอบถามญาติๆ ทราบว่าตอนที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่ทุกคนยืนไว้อาลัยบนศาลาในสุสาน โดยมีญาติๆ ยืนอยู่แถวหน้า ส่วนผู้ตายอยู่แถวหลังถัดจากญาติ ระหว่างที่มีการจุดควันสีก็มีระเบิดดังขึ้น สักพักก็มีคนเห็นผู้ตายล้มลงนอนกับพื้น ตอนแรกนึกว่าเป็นลมเมื่อเข้ามาดูปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาที่บริเวณลำคอเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเศษเหล็กบาดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณต้นคอ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาร่วมงานศพในงานจึงช่วยกันพยุงไปนั่งในศาลา
ทั้งนี้ ทางญาติเคยบอกแล้วว่าไม่เอาพลุมาจุดขอให้มีแค่แสงสีสวยเท่านั้น แต่สุดท้ายก็มีการนำพลุมาจุดอีกจนเกิดเหตุสลดขึ้น ตอนนี้ยอมรับว่าครอบครัวเจ้าภาพสะเทือนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก