ศรีสะเกษ -“อาจารย์แฉ่ง” อ.ขุนหาญ ศรีสะเกษ อยู่บ้านหยุดเชื้อโควิด-19 ปั้นพระพุทธรูป เกจิ พระอาจารย์ ขายรายได้งามเดือนละร่วม 30,000 บาท สายบุญทั่วประเทศแห่สั่งปั้นพระเกจิอาจารย์ดัง ขณะที่ “หลวงปู่สรวง” วัดไพรพัฒนา ยอดสั่งปั้นมากสุด
วันนี้ (10 พ.ค.) ที่กองทุนศิลปะช้างเผือก ตั้งอยู่เลขที่ 111 หมู่ 5 บ้านศิวาลัย ถ.ขุนหาญ-สำโรงเกียรติ ต.สิ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของ นายพงษ์ศักดิ์ อดิพัฒน์ตระกูล หรือ “อาจารย์แฉ่ง” มีอาชีพรับปั้นพระพุทธรูปปางต่างๆ ปั้นเกจิอาจารย์และครูบาอาจารย์ต่างๆ โดยภายในบ้านมีรูปปั้นพระพุทธรูป พระเกจิอาจารย์ที่ปั้นเสร็จแล้วหลายองค์รอผู้ที่สั่งทำมารับพระเพื่อนำเอาไปประดิษฐานตามวัดวาอารามต่างๆ และมีเศียรพระเบ้าหล่อพระ รวมทั้งอุปกรณ์ในการปั้นจำนวนมากวางอยู่ในบ้าน
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์กำลังทำการปั้นเศียรพระพุทธรูปต้องใช้สมาธิและมีความประณีตบรรจงในแต่ละขั้นตอนของการปั้นเศียรพระเป็นอย่างมาก เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกและฝีมือทั้งหมดที่มีลงในชิ้นงานที่ทำ เพื่อให้ชิ้นงานที่ได้ออกมามีความสวยงาม โดยเศียรพระเป็นจุดที่สำคัญมากทำให้รู้ว่าพระที่ปั้นออกมานั้นเป็นพระอะไร หรือว่าเป็นเกจิอาจารย์องค์ใดตามที่มีประชาชนลูกค้าสายบุญสั่งให้ปั้นขึ้นมา ซึ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อไวรัสโควิด-19 นายพงษ์ศักดิ์จะไม่ไปไหน จะทำงานอยู่บ้านปั้นพระอย่างต่อเนื่องทุกวัน
นายพงษ์ศักดิ์ อดิพัฒน์ตระกูล หรืออาจารย์แฉ่ง เล่าว่า ตนเรียนจบระดับปริญญาตรีจากวิทยาลัยครูพระนคร ปริญญาตรีด้านอุตสาหกรรมศิลป์เครื่องปั้นดินเผา จบแล้วได้ไปเป็นที่ปรึกษาโรงงานอุตสาหกรรมด้านเครื่องปั้นดินเผาที่ภาคเหนืออยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นได้ไปทำธุรกิจเกี่ยวกับอิฐมอญ ต่อมาได้ไปบวชอยู่ประมาณ 3 พรรษา และปี 2555 ได้ลาสิกขาบทออกมาทำธุรกิจโรงแรม แต่ต่อมาเห็นว่า เวลาที่เรามีชีวิตอยู่เหลือน้อยแล้วน่าจะช่วยคืนคุณแผ่นดินช่วยกันสร้างที่เรียกว่าพุทธบูชาเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ศาสนาพุทธได้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป
จึงได้มาทำเกี่ยวกับการปั้นพระโดยตรง ซึ่งเหตุที่ทำงานด้านนี้เนื่องจากว่ามีวัดวาอารามต่างๆ มาสนับสนุนให้ทำงานด้านนี้ก็เลยช่วยกัน เลยได้มาสร้างงานตรงนี้เหมือนกับว่าให้มาร่วมกันสร้างพุทธบูชาในพระพุทธศาสนา งานที่ปั้นส่วนมากจะเป็นพระพุทธรูปปางต่างๆ รูปปั้นเกจิอาจารย์และครูบาอาจารย์ ต่างๆ ที่มรณภาพไปแล้ว ตามแต่สายบุญจะสั่งให้ปั้น ส่วนมากจะเป็นขนาดหน้าตักกว้าง 16 นิ้วขึ้นไป ซึ่งพระที่ปั้นขนาดใหญ่ที่สุดจะเป็นขนาด 108 เซนติเมตร หรือประมาณ 43 นิ้วเพราะว่าเป็นงานเกี่ยวกับปูนซีเมนต์จึงไม่ได้ใช้คนมาก
นายพงษ์ศักดิ์เล่าต่อว่า ขั้นตอนของการปั้นเริ่มแรกจะปั้นด้วยดินก่อนแล้วก็มาหล่อเป็นปูนปลาสเตอร์ จากนั้นนำมาตกแต่งทำพิมพ์เป็นปูนซีเมนต์ เพราะงานด้านนี้ที่ส่งเสริมกันก็คือพระโลหะ แต่ว่าจะมีคนขโมยไปใช้ส่วนตัวมากกว่าจึงได้ทำพระเป็นปูนซีเมนต์ เพราะบุคคลทั่วไปคิดว่ามูลค่าทางโลกมันไม่แพงมาก จึงนิยมตั้งพระที่ปั้นไว้ได้นานจนจะสิ้นอายุขัยของปูนซีเมนต์ ซึ่งหากอยู่ในที่ร่มก็จะมีอายุประมาณ 50 ปี แต่ถ้าอยู่กลางแดดเต็มที่ก็ประมาณ 100 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้นอีก ส่วนในด้านค่าจ้างนั้น ถ้าปั้นให้แล้วสายบุญนำเอาไปประดิษฐานเองราคาประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป แต่หากให้ตนนำเอาองค์พระไปประดิษฐานให้ราคาประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป ก็แล้วแต่ญาติโยมเขาศรัทธา
พระพุทธรูปที่ปั้นส่วนมากจะเป็นปางมารวิชัย ปางปฐมเทศนา และหลายปางตามแต่จะมีคนสั่ง ส่วนที่นิยมมากมาจ้างให้ปั้นเพื่อนำเอาไปเช่าบูชามากที่สุดในขณะนี้คือ หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา หน้าตักประมาณ 16 นิ้ว ราคาองค์ละประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป วัสดุที่ใช้ในการหล่อพระนั้นจะใช้เหล็กและปูนซีเมนต์ ไม่เน้นไฟเบอร์กลาสและเรซินจะไม่ใช้ เพราะหากใช้วัสดุดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของช่างที่ทำ ซึ่งการใช้ปูนปั้นจะมีการทำแบบโบราณคือนำเอาของศักดิ์สิทธิ์ใส่เข้าไปในองค์พระเหมือนกับที่คนโบราณสร้างพระที่จะบรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ตั้งแต่ฐานพระขึ้นไป เช่น ผ้ายันต์และวันเดือนปีเกิด เพราะเขาเชื่อว่าคนที่สั่งทำพระ หากนำเอาวันเดือนปีเกิดใส่เข้าไปแล้วจะทำให้เจริญรุ่งเรือง เพราะไปอยู่ใต้ฐานพระและพระพุทธเจ้านั่งทับไว้ จึงคิดว่าพระพุทธเจ้าปกป้องคุ้มครองสามารถทำให้เจริญรุ่งเรืองได้ตามความเชื่อแบบที่คนโบราณเชื่อมั่นกันมา
ส่วนรายได้นั้น ตนจะมีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ 20,000-30,000 บาทขึ้นไป หลังจากหักค่าใช้จ่ายและใช้แบบประหยัดแล้วก็สามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้ในช่วงที่กำลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ โดยหากสายบุญท่านใดต้องการติดต่อสั่งปั้นพระ ติดต่อได้ที่ โทร. 08-9426-7521, ID Line 09-2845-5381