กาญจนบุรี - แรงงานพม่าทะลักชายแดนกาญจน์ต่อเนื่อง วันนี้รวบอีก 48 สารภาพเดินจาก จ.ทวาย มา 7 วัน จ่ายค่าหัวนายหน้าเพื่อนร่วมชาติ 1.3-2 หมื่นบาท ก่อนมุ่งหน้าไปทำงานจังหวัดชั้นใน
วันนี้ (27 เม.ย.) พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่หมวดลาดตระเวน (มว.ลว.) ที่ 4 ประจำจุดตรวจร่วมช่องเขาหนีบ หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองร้อยเคลื่อนที่เร็ว (ร้อย คร.) กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน (ชป.กร.) กองกำลังสุรสีห์ ที่ 105 เจ้าหน้าที่ร้อยทหารพราน (ร้อย ทพ.) ที่ 1115 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 ต.บ้านเก่า ได้ร่วมกันจับกุมแรงงานชาวพม่าหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ขณะหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณชายป่าบ้านประตูด่าน หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จำนวน 48 ราย เป็นชาย 21 ราย หญิง 27 ราย ทั้งหมดไม่มีเอกสารแสดงตน และมีกระเป๋าสัมภาระพร้อมที่จะเดินทางครบทุกคน หลังจากคุมตัวเอาไว้ได้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเบื้องต้นไม่พบอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส
จากการสอบสวนกลุ่มแรงงานเบื้อต้นทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.ทวาย ประเทศพม่า โดยใช้เวลาในการเดินทางลัดเลาะไปตามป่าเขาเป็นเวลานานถึง 7 วัน กว่าจะลักลอบข้ามเข้ามาประเทศไทยได้ สำหรับผู้นำพาเป็นชาวพม่าด้วยกันเมื่อมาถึงจุดพักคอยบริเวณชายป่าบ้านประตูด่าน ผู้นำพาจึงเดินทางข้ามแดนกลับไปยังประเทศพม่า โดยแจ้งว่าจะมีคนนำรถมารับ
โดยแรงงานทั้งหมดจะเดินทางไปทำงานในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร รวมทั้ง จ.ราชบุรี ส่วนค่าหัวนั้นได้จ่ายให้กนายหน้าที่เป็นชาวพม่าด้วยกันไปแล้วคนละ 13,000-20,000 บาท แต่สุดท้ายต้องมาถูกจับกุมตัวเสียก่อน หลังจากแรงงานให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวแรงงานทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะส่งให้ ตม.กาญจนบุรี เพื่อผลักดันกลับประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกรณีการจับกุมแรงงานชาวพม่าได้ที่บริเวณป่าละเมาะท้องที่ หมู่ 8 ต.ศรีมงคล องไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น จำนวน 54 คน นอกจากจับกุมแรงงานชาวพม่าจำนวนดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่เป็นผู้นำพาชาวไทยได้อีก จำนวน 4 คน ประกอบไปด้วย
1.นายเดชา หรือชา หลวงคุ้ม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 หมู่ 7 ต.เชียงของ อ.วังเจ้า จ.ตาก 2.นายวิรัช หรือน้อย พวงแก้ว อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 3 ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี 3.นายปัณณธร หรือเก้า น้อนนิด อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 2 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และ 4.นายเจนณรงค์ หรือบูม ชุมรักษา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156/4 หมู่ 2 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บม 7156 กาญจนบุรี มีนายเดชา หรือชา หลวงคุ้ม เป็นคนขับ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บม 4640 กาญจนบุรี ติดแผ่นป้ายทะเบียนเฉพาะด้านหน้า มีนายวิรัช หรือน้อย พวงแก้ว เป็นคนขับ มีนายปัณณธร หรือเก้า น้อยนิด นั่งมาด้วยกัน และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ออลนิวดีแมคซ์ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข กฉ 3937 กาญจนบุรี มีนายเจนณรงค์ หรือบูม ชุมรักษา เป็นคนขับ
โดยทั้ง 4 ราย ถูกดำเนินคดีในข้อหาซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยดวยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นการจับกุม ส่วนแรงงาน จำนวน 54 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และนอกจากนี้ ผู้นำพาชาวไทยทั้ง 4 คน รวมทั้งแรงงานจำนวน 54 คน ยังถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 อีก 1 ข้อหาด้วย
