ลพบุรี - จับได้แล้วมือยิงพนักงานไฟฟ้า เป็นพ่อค้ายาที่เข้าใจผิดคิดว่าผู้ตายเป็นพวกคนรับยาตามมาเพื่อหักหลัง เลยยิงใส่ไปหนึ่งนัดเป็นการขู่ พอทราบว่าตายจึงหนีไปบวช แต่ไปไม่รอดโดนจับ
วันนี้ (25 เม.ย.) พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รองผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 ทำการสอบสวนผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธปืนยิง นายพงศ์เทพ ขันทเขต อายุ 39 ปี หัวหน้าหมวดฮอตไลน์ การไฟฟ้าเขต 3 จังหวัดลพบุรี เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณ ถ.พหลโยธิน ต.ท่าศาลา อ.เมืองลพบุรี เมื่อกลางดึกของวันที่ 6 เม.ย.64 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ภ.จว.ลพบุรี นำโดย พล.ต.ต.ภัลลพ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.อุกฤษ ภู่กลั่น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี พ.ต.อ.สมชาย ชูแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองลพบุรี พ.ต.อ.พงศ์สุริยะ สุวรรณพันธ์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ร่วมกันแกะรอยคนร้าย และจากสืบสวนมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นผู้ก่อเหตุ
โดยขณะเกิดเหตุใช้รถยนต์เก๋งสีดำ หมายเลขทะเบียน ชภ 8857กรุงเทพมหานคร จากพยานหลักฐานต่างๆ จนสามารถขอหมายศาลทำการจับจบกุมตัวได้ที่รีสร์อตแห่งหนึ่งใน อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี จำนวน 2 คน ประกอบด้วย นายมานะ สีสังข์ หรือมด อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 8 ต.บางพึ่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี นายชนะพงษ์พันธ์ แก้วแดงดี หรืออุ้ม อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/2 ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี ซึ่งใช้เวลาในการสืบสวนติดตามจนสามารถจับกุมได้เพียง 18 วัน
ซึ่งได้ทำการติดตามขยายผลได้ของกลาง ประกอบด้วย ปืนพกสั้นออโตเมติก ขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 12 นัด โทรศัพท์มือถือ ยาไอซ์ จำนวน 36 กรัม และรถเก๋งฮอนด้าสีดำหมายเลขทะเบียน ชภ 8857 กรุงเทพมหานคร คันที่ใช้ในการก่อเหตุ นำตัวและของกลางมาทำการสอบสวน
เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่าใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง โดยสาเหตุเข้าใจผิดว่าถูกผู้ตายติดตาม เนื่องจากวันที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 00.23 น.ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน นัดส่งมอบยาบ้า จำนวน 10,000 เม็ด ให้แก่นายกล้า บริเวณถนนพหลโยธิน ใกล้สะพานข้ามโรงเรียนเมืองใหม่ และเห็นรถยนต์ของผู้ตายแล่นผ่านไปเข้าใจว่าถูกติดตาม หลังจากส่งยาบ้าให้นายกล้า แล้ว นายชนะพงษ์พันธ์ หรืออุ้ม ออกมาจากจุดส่งมอบยาบ้า โดยนายมานะ หรือมด นั่งคู่เบาะหน้าข้างซ้าย นายมานะ ได้ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. ที่นำติดตัวยิงใส่ประตูรถยนต์คันที่ผู้ตายขับขี่ (ประตูหน้าข้างขวา)
หลังจากนั้นพากันหลบหนี นำอาวุธปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุไปซ่อนไว้ที่บ้านเช่าในเขตตำบลท่าศาลา และนำรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุไปซุกซ่อนไว้ที่บ้านเช่าในเขตตำบลทะเลชุบศร นายมานะ สำนึกผิดเกรงกลัวบาปกรรมจึงได้ไปบวชเป็นพระภิกษุ โดยมีนายชนะพงษ์พันธ์ ติดตามไปเป็นลูกศิษย์ หลังจากลาสิกขา จึงพากันเดินทางไปหาเพื่อนที่อำเภอหนองม่วง และได้เข้าพักที่สีสันรีสอร์ตด้วยกัน จนกระทั่งถูกจับดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกติดตัว และยิงปืนในที่สาธารณะ นำตัวดำเนินคดีต่อไป
หลังทำการสอบสวนได้มีการจำลองสถานที่และรถใช้ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในขณะเดียวกัน นางพงษ์ศิริ ขันธเขต อายุ 65 ปี มารดาผู้เสียชีวิตได้นำช่อดอกไม้มาขอบคุณ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้