อีกหนึ่งโรงแรมสุดชิคบนพื้นที่ส่วนปลายชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ที่ “manager online” อยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งหลายคนอาจกำลังมองหาสถานที่แสนสงบที่เต็มไปด้วยบรรยากาศความเป็นส่วนตัว ท่ามกลางธรรมชาติริมทะเลแสนสบาย ที่สำคัญยังห่างไกลจากการรวมตัวของคนหมู่มาก
โรงแรมแห่งนี้ได้ตกแต่งพื้นที่ภายในสไตล์บูทีค โฮเทล และได้เปิดบริการมานานถึง 5 ปี ในชื่อโรงแรมสิกขรา ปัจจุบันได้รีแบรนด์ชื่อใหม่ให้ง่ายแก่การจดจำเป็น “บีชวอล์ค บางแสน” พร้อมจุดขายที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่โรงแรมซึ่งอยู่ติดทะเลจึงทำให้มีชายหาดส่วนตัว
และจุดขายใหม่อย่าง “บีซวอล์คคาเฟ่” ร้านกาแฟที่ตกแต่งสไตล์เฉพาะตัวเพิ่มจุดเช็กอินและจุดถ่ายรูปจนกลายเป็นที่พูดถึงของกลุ่มนักเดินทาง พร้อมเสิร์ฟการแฟรสชาติแสนอร่อยเคียงคู่ขนมหวานหลากหลายเมนูจนไม่ต้องง้อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นายสุขพงศ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บริหาร “บีชวอล์ค บางแสน” บอกว่าโรงแรมแห่งนี้มีลักษระเป็นบูทีค รีสอร์ต ซึ่งมีสไตล์การตกแต่งแบบคอนเทมโพรารี และเฟอรนิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งพื้นที่ภายในและห้องพักทั้งหมดที่มีจำนวน 47 ห้อง ล้วนเป็นเป็นงานแฮนด์เมดจากฝีมือชาวนาใน จ.กาฬสินธ์
“ในช่วงปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่มีการก่อสร้างโรงแรม และเป็นช่วงเดียวกับที่ชาวนาไทยกำลังประสบปัญหาเรื่องราคาข้าวตกต่ำ เลยมีแนวคิดในการช่วยเหลือชาวนาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของ จ.กาฬสินธ์ ที่สามารถทำงานจักสานได้ด้วยการมอบหมายให้เงิน จำนวน 10 ล้านบาทเพื่อให้ผลิตเฟอร์นิเจอร์หวายเทียมที่เมื่อนำมาตกแต่งทั้งภายในและภายนอกโรงแรมก็สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าพักได้เป็นอย่างดี”
นอกจากนั้น การเป็นรีสอร์ตขนาดเล็กที่มีชายหาดส่วนตัว และมีห้องพักที่มีความหลากหลายด้านการตกแต่ง พร้อมทั้งยังมียังสระว่ายน้ำที่เด็กๆ สามารถเล่นน้ำได้จากบริเวณหน้าห้องพัก ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์โรงแรมแห่งนี้มีแขกมาเยือนจนเต็มทุกห้อง
ผู้บริหาร “บีชวอล์ค บางแสน” ยังบอกอีกว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของโรงแรม คือ คนไทยในระดับกลาง-บนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เนื่องเพราะสนนราคาค่าห้องซึ่งเริ่มต้นที่ 4,500-50,000 บาทจึงทำให้สามารถจำกัดกลุ่มผู้เข้าพักได้อย่างชัดเจน
แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทางโรงแรมได้จัดโปรโมชันลดราคาค่าห้องพักลงมากถึง 50% เพื่อกระตุ้นการเดินทางและการท่องเที่ยว
“เมื่อก่อนเราขายห้องพักราคา 4,500-50,000 บาทต่อคืน ซึ่งห้องราคา 50,000 บาท จะเป็นห้องพักแบบ grand beachfront และที่ผ่านมา เราไม่ต้องพึ่งตลาดต่างประเทศเพราะในแต่ละสัปดาห์เรามีตลาดคนไทยที่เข้ามาจองจนเต็มหมด และยังเป็นการขายตรงมากถึง 95%”
นายสุขพงศ์ ยังบอกอีกว่า ลูกค้าของโรงแรมคือกลุ่มที่กลับมาใช้ซ้ำและจองตรงเนื่องจากระบบการขายแบบออนไลน์ที่สามารถเปิดให้ผู้คนทั่วโลกสามารถจองได้ จึงทำให้เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โรงแรมแม้จะได้รับผลกระทบเช่นผู้ประกอบการทั่วไปแต่ก็สามารถยืดหยุ่นและปรับตัวได้
“ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เราไม่ได้ให้พนักงานออกแม้แต่คนเดียว แต่ใช้วิธีปรับการทำงานในช่วงที่เปิดให้บริการไม่ได้ ด้วยการนำพนักงานมาทำฟาร์มและขยายโรงเรือนเพาะปลูกเมล่อนญี่ปุ่นและฟิกส์ ที่จะต้องใช้เวลาสะสมตัวประมาณ 2-3 ปี ซึ่งในปีหน้าเราจะได้ชิมลูกฟิกส์ พันธุ์กรีนไอฟ่าที่ยังมีอยู่น้อยในประเทศไทย”
ขณะเดียวกัน ยังใช้แรงงานที่มีปรับปรุงห้องประชุมสัมมนาและห้องจัดเลี้ยงเพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มผู้ใช้งานได้ตั้งแต่ 20 คนไปจนถึง 150 คน และยังผุดบีชวอล์คคาเฟ่ รองรับกลุ่มผู้ชื่นชอบการดื่มกาแฟและถ่ายภาพสถานที่สวยงาม รวมทั้งเพิ่มสวนน้ำในพื้นที่ริมชายหาดเพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว
โดยปัจจุบัน โรงแรมแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งสิ้น 14 ไร่ แบ่งเป็นฝั่งบูทีค รีสอร์ต จำนวน 4 ไร่ ที่เหลืออีก 10 ไร่ เป็นฝั่งคาเฟ่ หรือบีชวอล์คคาเฟ่ ที่จะมีโฮสเทลขนาดใหญ่ จำนวน 3 หลัง เพื่อรองรับผู้เข้าพักกรุ๊ปใหญ่ได้ประมาณหลังละ 26-28 คน และร้านอาหาร “ออจ้าวซีฟู้ด”
“ตลาดโฮสเทลที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักเดินทางจากจังหวัดห่างไกลที่แวะเที่ยวชายหาดบางแสน ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นิยมที่จะจอดรถใกล้ห้องพัก เราจึงทำคอนเซ็ปต์ “ปาร์คอิน โฮสเทล” ที่มีเตียงนอนแบบสบายๆ ไว้บริการในราคาที่ย่อมเยาเพื่อเชิญชวนให้ผู้ที่แวะเที่ยวหาดบางแสนเป็นหาดแรกให้ได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังชายหาดอื่นๆ ของ จ.ชลบุรี และภาคตะวันออกต่อไป” นายสุขพงศ์ กล่าว
ขณะที่คุณแอน วรัญณรีย์ 1 ในผู้บริหาร “บีชวอล์ค บางแสน” บอกว่า สาเหตุของการเปลี่ยนชื่อจากโรงแรมสิกขรา เป็น “บีชวอล์ค บางแสน” นอกจากจะเพื่อให้ง่ายแก่การจดจำแล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนชื่อให้ตรงกับสภาพพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ปลายหาดบางแสน
อีกทั้งทำเลที่ตั้งซึ่งอยุ่ติดทะเลและมีชายหาดที่มีบรรยากาศส่วนตัว จึงทำให้โรงแรมแห่งนี้ไม่ต้องพึ่งพาตลาดต่างชาติเนื่องจากมีตลาดใหญ่เป็นคนไทยระดับกลาง และตลาดนักท่องเที่ยวรวมทั้งนักเดินทางที่นิยมเข้าพัก
รวมทั้งยังมีจุดแข็งที่ร้านอาหาร “ออจ้าวซีฟู้ด” ที่มีการนำอาหารทะเลมาปรุงเป็นอาหารไทยโบราณที่คงความเป็นเอกลัษณ์อาหารไทยแท้ จึงทำให้ได้รับการตอบรับจากคนพื้นที่และนักท่องเที่ยว
วันนี้แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่จะสร้างความวิกตกกังวลให้แก่หลายธุรกิจที่อาจต้องหยุดดำเนินการทั้งที่เพิ่งจะเริ่มเปิดปุ่มสตาร์ทการทำงานรอบใหม่หลังสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 2 คลี่คลายได้ไม่นาน แต่ในส่วนโรงแรม “บีชวอล์ค บางแสน” และร้านอาหาร “ออจ้าวซีฟู้ด” ยังเปิดให้บริการตามปกติภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่เข้มข้น
โดยผู้สนใจสามารถสำรองที่พักได้ที่ไลน์แอด๑ plago หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-3819-6088