พิษณุโลก - เผยภาพแอ่งกระทะคล้ายคอห่านถ้ำพระไทรงาม-เนินมะปราง พระ-ฤษี เคยมุดไปอีกฝั่งเพื่อปลุกเสกของขลัง ท่ามกลางหินย้อยสีดำคล้ายเหล็กไหล เต็มผนังถ้ำโบราณ
วันนี้ (7 เม.ย. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังไม่พบพระภิกษุที่เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานภายในถ้ำพระไทรงาม หมู่ 8 บ้านดงงูใหม่ ต.เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา โดยวานนี้ (6 เม.ย.) จนท.กู้ภัยฯทำได้เพียงมุดใต้น้ำดูเส้นทาง แต่ไม่ถึงปลายถ้ำที่จะช่วยเหลือนำตัวพระออกมาได้ ท่ามกลางฝนตกต่อเนื่อง
นายวุฒิชัย จันสิงโต หนึ่งในทีมภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเป็นหนึ่งใน 14 กู้ภัยที่เดินไปจากปากถ้ำไปถึงทางน้ำประมาณ 100 เมตร จากนั้นมุดน้ำเข้าถ้ำลงไปอีก 280 เมตร รวมทั้งสิ้น 400 เมตร แต่ยังไม่เจอพระ เพราะยังไม่สามารถดำน้ำมุดต่อไปได้ เนื่องจากมีน้ำไหลเชี่ยว คาดว่า พระยังอยู่อีกฝั่ง แม้ทีมกู้ภัยนำถังออกซิเจนไปด้วย สาเหตุคือ กระแทกหินย้อยลงมา และกรมุดน้ำลึกร่วม 4 เมตร ถือว่า อันตรายไปจะต้องมีเครื่องมือพร้อมกว่านี้
“หลวงตาหลอด” หนึ่งในพระที่เคยลงไปในถ้ำหลายครั้ง ครั้งล่าสุดได้เข้าไปเมื่อ 31 พฤษภาคม 62 บอกว่า ปีที่ผ่านมา อาตมาเดินทางไปกับกลุ่มฤาษี ทราบว่าทีมกู้ภัยเดินทางไปค้นหาพระ 1 ราย แต่คงไปเพียงครึ่งทาง ยังไม่ไปถึงจุดที่อาตมาและฤาษีนั่งปลุกเสกพระ ซึ่งต้องผ่านผนังถ้ำที่มีหินย้อยสีดำ คล้าย “เหล็กไหล” ซึ่งติดเป็นก้อน ไม่สามารถตัดหรือหักหินดำๆ ลงมาได้
ทีมกู้ภัยคงยังไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากฝนตกระดับน้ำท่วมสูง ซึ่งในจุดที่อาตมามุดซอกหินลงไปในถ้ำ ดิ่งจากผิวน้ำประมาณ 4 เมตร ตามที่ จนท.กู้ภัยระบุ เชื่อว่า แรงดันน้ำไหลที่โพรงดังกล่าวคงสูง ดังนั้น ชุดกู้ภัยจะต้องดำน้ำผ่านโพรงลงไป ซึ่งมีความกว้างประมาณ 1 เมตร และความยาวประมาณ 2-3 เมตรเท่านั้น หากผ่านจุดนี้ไปได้ก็ยังต้องเดินทางไปอีก 400 เมตร ตามที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยระบุว่า เป็นจุดที่มีพระสงฆ์นั่งวิปัสสนากรรมฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระหลวงตาหลอด และกลุ่มฤาษี เคยเข้าถ้ำไปในช่วงฤดูแล้งปีที่ผ่านมา ยังพบว่า ยังมีน้ำไหลซึมประมาณเข่าถึงเอว ตามภาพ พระยังต้องก้มมุดลงไป เพื่อผ่านไปยังอีกฝากฝั่งของถ้ำ ซึ่งทั้งพระและฤาษีต้องมุดผ่านช่องหิน ที่เป็นแอ่งกระทะลักษณะคอห่าน หรือท้องช้าง จากนั้นจะเห็นภาพหินย้อยสีดำ ลักษณะคล้ายเหล็กไหล ถือเป็นจุดไฮไลต์ของถ้ำพระไทรงาม เพราะจะเห็นภาพสวยงดงาม โดยที่ภายในถ้ำมีห้องโถงขนาดใหญ่หลายแห่ง มีอากาศถ่ายเทเพียงพอ ซึ่งเหมาะสำหรับพระและฤาษีนั่งสมาธิและปลุกเสกวัตถุมงคล ขณะที่อีกหลายคนนิยมท้าพิสูจน์เหล็กไหล แต่ปีนี้น่าจะถูกน้ำท่วมหมด
ขณะที่นักธรณีวิทยาเชื่อกันว่า ภูเขาหินปูนเนินมะปราง มีอายุกว่า 300 ล้านปี พื้นที่ส่วนใหญ่เคยเป็นทะเลมาก่อน ทำให้ภายในถ้ำมีทั้งหินงอก หินย้อย สีขาวและดำ ถ้ำพระไทรงามเคยมีตามความเชื่อ เคยมีนักสำรวจชาวต่างชาติเดินเข้าไปในถ้ำ แต่ก็ไม่เดินทะลุปากทางออกอีกฝั่งหนึ่ง ฉะนั้น จึงไม่ชัดเจนว่า ถ้ำพระไทรงามมีทางออกอีกฝั่งหรือไม่